ถือว่าตามหลังตลาดจีนเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น สำหรับ MG ZS Minor Change ที่ได้รับการเปิดตัวในไทยแล้ววันนี้ผ่านทางไลฟ์สดของเพจ MG Thailand ซึ่งตามจริงนั้นรถจะต้องถูกเปิดตัวภายในงาน Bangkok Motor Show 2020 แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ทำให้ทางค่ายเลือกเปิดตัวผ่าน Live สดนั่นเอง
งานดีไซน์ภายนอกนั้นมีการปรับใบหน้าใหม่แทบทั้งหมด โดยมากับไฟหน้าทรงใหม่แบบ LED ที่ดูเพรียวบางขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมด้วยกระจังหน้าทรงใหม่แบบ 6 เหลี่ยม ออกแบบกรอบไฟตัดหมอกใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น ส่วนด้านท้ายมีการปรับรายละเอียดโคมไฟท้ายใหม่แบบ LED ให้ดูทันสมัยมากขึ้น และปรับปรุงกันชนท้ายใหม่อีกด้วย นอกจากนี้ก็จะมีล้อลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว ส่วนรุ่นล้อ 16 นิ้วยังเป็นลายเดิม
เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสารที่มีการยกระดับการตกแต่งให้ดูสวยงามหรูหรามากขึ้น มีการบุนุ่มและเดินด้ายตะเข็บจริงบริเวณคอนโซลหน้าและช่วงฐานเกียร์ หน้าปัดความเร็วในเกรดบนๆนั้นจะได้แบบดิจิตอลขนาด 10 นิ้วซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในกลุ่ม ตรงกลางติดตั้งหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้วรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto นอกจากนั้นแล้วยังมีการเพิ่มที่วางแขนพร้อมกล่องเก็บของกลางคอนโซลมาให้ อีกทั้งเปลี่ยนมาใช้เบรกมือแบบไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
ขุมพลังยังคงใช้ เครื่องเดิมรหัส 15S4C DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว VTi – TECH ความจุ 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 114 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบ/นาที แต่ส่งกำลังด้วยเกียร์ใหม่! เกียร์อัตโนมัติ CVT 8 สปีด
MG ZS Minor Change มีสีตัวถังให้เลือก 4 สีด้วยกัน ได้แก่ สีแดง SCARLET RED, สีขาว ARCTIC WHITE, สี BLACK KNIGHT และ สีเงิน SILVER METALLIC มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย พร้อมปรับชื่อรุ่นย่อยใหม่ จาก C,D และ X เป็น C+,D+ และ X+ แทน
C+ 689,000 บาท
D+ 739,000 บาท
X+ 799,000 บาท
ข้อมูลสเปคและออปชั่นของ MG ZS Minor Change
* มิติตัวถังภายนอกยาว 4,323 มิลลิเมตร กว้าง 1,809 มิลลิเมตร สูง 1,628-1,653 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,585 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 170 มิลลิเมตร น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,290กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 48 ลิตร
* ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร
* ระบบช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง / ระบบช่วงล่างหลังอิสระทอร์ชั่นบีม
* ระบบเบรกหน้าดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน / ระบบเบรกหลังดิสก์เบรก
รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก
- ไฟหน้าแบบ LED
- ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
- ไฟตัดหมอกหลัง
- ไฟท้ายแบบ LED
- ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
- กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้าแบบพับอัตโนมัติพร้อมไฟเลี้ยว
- ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง
- ระบบปัดน้ำฝนด้านหลัง
- ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
- สปอยเลอร์หลัง
- ที่เปิดฝากระโปรงท้ายสไตล์สปอร์ต
- ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว พร้อมยาง 215 / 60 R16
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน
- ภายในสีดำ
- เบาะนั่งหุ้มผ้า
- ตกแต่งภายในด้วยวัสดุ Soft Touch
- พวงมาลัยหุ้มหนัง ปรับสูง – ต่ำได้
- เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
- ที่พักแขนด้านหน้า
- เบาะนั่งด้านหลัง พนักพิงพับได้ 60:40
- พื้นที่เก็บสัมภาระปรับได้ 2 ระดับ
- กระจกไฟฟ้า One Touch Up – Down ด้านคนขับ
- กระจกมองหลังตัดแสง
- ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อม Push Start
- กรองอากาศ PM2.5
- ช่องจ่ายไฟ 12V / ระบบกุญแจรีโมท / ไฟส่องแผนที่
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
- ลำโพง 4 ตัว
- หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว
- ช่องเชื่อมต่อ USB 4 ตำแหน่ง
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธ
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย สมาร์ทโฟนระบบ Android
ระบบความปลอดภัย
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- เข็มขัดนิรภัยแถวหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
- ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
- ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน
รุ่น D+ ราคา 739,000 บาท (เพิ่มเติม 50,000 บาทจากรุ่น C+)
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มจากรุ่น C+)
- ไฟตัดหมอกหน้า
- ราวหลังคา
- ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว พร้อมยาง 215 / 55 R17
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน (เพิ่มจากรุ่น C+)
- ภายในสีน้ำตาล และดำ
- เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
- ช่องเก็บเอกสารด้านหลังเบาะด้านหน้า
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi - Function Display)
- ลำโพง 6 ตัว
- ช่องเชื่อมต่อ USB 5 ตำแหน่ง
SMART CHECK
- ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
- ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
- ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
- ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
- ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
SMART COMMAND
- ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
- ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
- ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan
- ระบบโทรออก – รับสายจากจอทัชสกรีน
- ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
- ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน Emergency Call
- ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
- ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
- ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
- อัพเกรดระบบผ่านออนไลน์
- ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
- อัพเดตข้อมูลพยากรณ์อากาศ
- ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit)
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
- กล้องมองหลัง
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก (เพิ่มจากรุ่น D+)
- ระบบควบคุมการ เปิด – ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
- หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
- ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย