วันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Mitsubishi Triton Big Minor Change ปรับโฉมครั้งใหญ่พร้อมสู้ศึกกระบะ

  สิ้นสุดการรอคอยสำหรับสาวกกระบะเมื่อทาง Mitsubishi Motors ได้เลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกในโลกสำหรับการแนะนำ Mitsubishi Triton รุ่นปรับโฉมครั้งใหญ่แบบ Big Minor Change และจะเริ่มวางขายตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. เป็นต้นไป

  การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่ภายนอกซึ่งได้ปรับเปลี่ยนจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ด้วยการออกแบบด้านหน้าใหม่ตามแนวทาง Dynamic Shield ยุคใหม่ซึ่งผสมผสานการออกแบบระหว่างรถในค่ายอย่าง Pajero Sport รวมทั้ง Xpander ภายนอกจะทำการติดตั้งชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบฮาโลเจนหรือ Bi-LED ปรับระดับสูงต่ำได้ (รุ่น GLS ขึ้นไป) พร้อมไฟ Daytime Running Lights ในโคม และยังสามารถเปิด-ปิดอัตโนมัติได้อีกด้วย (รุ่น GT Premium)

ในส่วนของซุ้มล้อทั้งด้านหน้าและกระบะท้ายยังได้รับการออกแบบใหม่ให้มีโป่งในตัว ไม่ติดโป่งเย็บแบบรุ่นเดิมอีกต่อไปแล้ว ซึ่งช่วยเพิ่มความบึกบึนให้กับรถไม่น้อย กระจกมองข้างยังเปลี่ยนมาใช้ทรงเดียวกับ Pajero Sport อีกด้วย ในส่วนของด้านท้ายยังมีการออกแบบโคมไฟท้ายทรงใหม่ที่ดูบึกบึนขึ้น ทุกรุ่นจะมากับไฟท้ายและไฟเบรกแบบ LED ส่วนรุ่น GLS ขึ้นไปจะมีไฟ Light Guide ภายในโคมไฟท้ายอีกด้วย ฝาท้ายยังได้รับการออกแบบใหม่ซึ่งมีการเพิ่มสปอยเลอร์ท้ายและออกแบบมือเปิดประตูท้ายใหม่ เช่นเดียวกับกันชนท้ายที่ออกแบบใหม่ให้ดูแข็งแกร่งขึ้น ล้ออัลลอยจะมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 16-18 นิ้วแล้วแต่รุ่น

  ภายในห้องโดยสารมีการออกแบบคอนโซลหน้าใหม่เล็กน้อย มีการตกแต่งภายในให้ดูสวยงามหรูหรามากขึ้น มีหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่น่าสนใจก็คือ การติดตั้งระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง (แอร์เพดาน) เจ้าแรกในกระบะเมืองไทย เฉพาะรุ่น GT Premium เท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆก็จะมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (GT AT / GT Premium AT) , เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (GT Premium) , ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (GLS ขึ้นไป) , จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี 3 มิติ (GT ขึ้นไป) , ระบบอินโฟเทนเมนต์เครื่องเล่น DVD หน้าจอสัมผัสพร้อมระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth (รุ่น GLS ขึ้นไป) , กุญแจรีโมท KOS และปุ่มสตาร์ท (รุ่น GT ขึ้นไป) , Paddle Shift (รุ่น GT Premium AT 4WD) และอีกหลายรายการ

  ขุมพลังทุกรุ่นจะทำการติดตั้งเครื่องดีเซล 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว MIVEC เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ความจุ 2.4 ลิตร (2442 ซีซี.) มากับพละกำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตรที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและใหม่! เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II พร้อม Diff-Lock ที่เฟืองท้าย

  ทางด้านระบบความปลอดภัยของรถนั้นถือว่าจัดมาเต็มทีเดียว โดยจะประกอบด้วย
- ถุงลมนิรภัย 7 ใบ (รุ่น GT Premium) รุ่นอื่น 2 ใบ
- ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS
- ระบบเสริมแรงเบรก BA (ตอนเดียวขับสี่ , รุ่น GLS AT Plus ขึ้นไป)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ASTC (ตอนเดียวขับสี่ , รุ่น GLS AT Plus ขึ้นไป)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (ตอนเดียวขับสี่ , รุ่น GLS AT Plus ขึ้นไป)
- ระบบควบคุมรถขณะลงทางชัน HDC (รุ่น GT Premium 4WD)
- ปุ่ม Off-Road Mode (รุ่น GT Premium 4WD)
- ระบบปรับระดับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ AHB (รุ่น GT Premium Plus/4WD)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM (รุ่น GT Premium Plus/4WD)
- ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง และรวดเร็ว UMS (รุ่น GT Premium Plus/4WD) 
- ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา BSW (รุ่น GT Premium Plus/4WD) 
- ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน LCA (รุ่น GT Premium Plus/4WD) 
- ระบบช่วยเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA (รุ่น GT Premium Plus/4WD)
- เซ็นเซอร์กะระยะจอด (เฉพาะด้านหน้า รุ่น GT Premium MT/ ด้านหน้า-หลัง รุ่น GT Premium AT)
- ระบบล็อคประตูอัตโนมัติเมื่อรถมีความเร็ว
- กุญแจป้องกันการโจรกรรม Immoblizer  (รุ่น GLS ขึ้นไป) 
- กล้องมองภาพรอบคัน พร้อมเส้นกะระยะและเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ (รุ่น GT ขึ้นไป)
- กล้องมองภาพด้านหลัง พร้อมเส้นกะระยะ (เฉพาะรุ่น GLS)
- ไล่ฝ้ากระจกหลัง พร้อมระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ 
- ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS

   Mitsubishi Triton Big Minor Change จะมีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีส้ม Sunflare Orange , สีเงิน Sterling Silver , สีขาว White Daimond , สีเทา Graphite Gray และสีดำ Jet Black Mica ทางด้านรุ่น Single Cab จะมีให้เลือก 2 สีได้แก่ สีขาว Solid White และสีเงิน Sterling Silver

  แบ่งการจำหน่ายออกเป็น 19 รุ่นย่อย ได้แก่
Single Cab
- 2.4 MIVEC GL 4x4 6MT 654,000 บาท
Mega Cab
- 2.4 MIVEC GLX Plus 6MT 689,000 บาท
- 2.4 MIVEC GLS Plus 6MT 729,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT Plus 6MT 776,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT Plus 6AT 826,000 บาท
Double Cab
- 2.4 MIVEC GLX Plus 6MT 779,000 บาท
- 2.4 MIVEC GLS Plus 6MT 819,000 บาท
- 2.4 MIVEC GLS Plus 6AT 882,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT Plus 6MT 873,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT Plus 6AT 923,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT-Premium Plus 6MT 930,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT-Premium Plus 6AT 983,000 บาท
- 2.4 MIVEC GLS 4x4 6MT 935,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT-Premium 4x4 6MT 1,041,000 บาท
- 2.4 MIVEC GT-Premium 4x4 6AT 1,099,000 บาท
ในส่วนของตัวเตี้ย (หน้าเก่า) นั้นจะมี 4 รุ่นย่อย ได้แก่
- Single Cab 2.5 GL 5MT 524,000 บาท
- Mega Cab 2.5 GL 5MT 586,000 บาท
- Mega Cab 2.5 GLX 5MT 628,000 บาท
- Double Cab 2.5 GLX 5MT 679,000 บาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box