กำลังเป็นกระแสฟีเวอร์ในโลกออนไลน์สำหรับอีโคคาร์ที่ทุกคนรอคอยอย่าง Toyota Yaris ที่เปิดตัวไปแล้วที่ประเทศจีน และตอนนี้คนไทยอย่างเรากำลังเฝ้ารอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อครับ มีทั้งรถทดสอบออกมาวิ่งมากมาย แต่ถึงอย่างไรเราๆหลายคนก็เห็นภาพตัวเป็นๆกันแล้ว ทำให้หลายคนรอเก้อและคงคิดกันว่าเมื่อไหร่จะเปิดตัวซักที
Toyota Yaris Eco Car คันนี้ต้องผ่านปัญหาอุปสรรคต่างๆมามากมาย ทั้งการเลื่อนการเปิดตัว ความไม่ลงรอยของเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนแผงประตู และนโยบายอีโคคาร์ เฟส 2 ที่กำลังจะตามมาครับ
ถึงอย่างไรเราก็รู้ฤกษ์วันเปิดตัวกันแล้วก็คือ 22 ต.ค. ซึ่งก็อีกเดือนเดียวเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ดูจะช้า เพราะ ทางโรงงานเกตเวย์ 2 ซึ่งจะผลิตอีโคคาร์คันดังกล่าว ได้เปิดสายการผลิตแล้วเมื่อ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา คงเป็นเพราะจะระบาย Yaris เก่าออกก่อน แล้วจึงทำการเปิดตัวทีหลัง
นอกเรื่องกันมามากพอ เรามาดูกันก่อนว่า Yaris Eco Car จะมีข้อมูลทางเทคนิคอะไรบ้าง ไปดูกัน
 |
ภาพและข้อมูลจาก www.thaiyaris.com |
 |
ภาพจาก www.thaiyaris.com |
Toyota Yaris โฉมใหม่ หรือ Yaris Eco Car จะมีมิติตัวถังเมื่อเทียบกับโฉมปัจจุบัน มีความยาว 4,115 ม. (เดิม 3,800 มม. + 315 มม.) กว้าง 1,700 มม. (เดิม 1,695 มม. + 5 มม.) สูง 1,475 มม. (เดิม 1,520 มม. - 45 มม.) ความยาวฐานล้อ 2,550 มม. (เดิม 2,460 มม. + 90 มม.) หน้าตาของรถจะมาแนว Keen Look แนวการออกแบบในปัจจุบันของ Toyota ซึ่งจะคล้ายๆ Vios ครับ (ยังไงมันก็ใช้พื้นฐานร่วมกันอยู่แล้ว) หน้าตาได้รับการถ่ายทอดมาจาก Toyota Dear Qin Concept นะครับ ตัวรถจะออกแนวสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ลงตัว เหมาะกับพวกชอบแต่งซิ่งอย่างมากครับ ภายในนั้นก็เหมือนกับ Vios ทุกประการครับ ต่างกันแค่ไฟแสดงผลเป็นสีส้ม ของวีออสจะเป็นสีฟ้า
Toyota Yaris ใหม่จะแบ่งเกรด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น J Eco, J, E และ G ครับ
 |
ภาพและข้อมูลจาก www.thaiyaris.com |
 |
ภาพและข้อมูลจาก www.thaiyaris.com |
- กระจังหน้า และไฟหน้า รุ่น J Eco และรุ่น J จะมากับกระจังหน้าสีดำ ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ และโปรเจกเตอร์ตามลำดับ รุ่น E และ G จะมากับกระจังหน้าสีเงิน และไฟหน้าโปรเจกเตอร์
- มือจับประตู รุ่น J Eco จะมีมือจับประตูสีดำ รุ่น J และ E สีเดียวกับตัวรถ รุ่น G แบบโครเมียม
- ล้อแม็ก รุ่น J Eco จะเป็นล้อกระทะสีดำ รุ่น J ล้อกระทะพร้อมฝาครอบ 14 นิ้ว รุ่น E ล้อกระทะพร้อมฝาครอบ 15 นิ้ว และ รุ่น G ล้ออัลลอย 15 นิ้ว
- ไฟท้าย LED ทุกรุ่น ทุกรุ่นจะมีไฟเบรกดวงที่ 3 ยกเว้นรุ่น J Eco
สีมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สี Orange Metallic สี Red Mica Metallic สี Attitude Black Mica สี Grey Metallic สี Frozen Blue Metallic และ สี Super White 8iy[
- แผงคอนโซลหน้า รุ่น G จะเป็นแผงคอนโซลหน้าสีเงิน นอกนั้นจะใช้วัสดุสีดำหมด เบาะผ้าทุกรุ่น
- หัวเกียร์รุ่น G จะหุ้มหนัง นอกนั้นเป็นแบบยูรีเทน
- วิทยุ รุ่น J Eco ไม่มีวิทยุ นอกนั้นติดตั้งให้หมด
 |
ภาพจาก www.thaiyaris.com |
- เบาะนั่งด้านหลัง รุ่น J Eco และ J จะพับได้อย่างเดียว ส่วนรุ่น E และ G จะพับได้แบบ 60 : 40
- ในรุ่น G ซึ่งเป็นรุ่นท็อปจะมีออฟชั่นครบ อาทิ ระบบ Smart Entry และ Pust Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่
- กระจกมองข้าง รุ่น J Eco จะเป็นสีดำ ปรับพับเอง นอกนั้นสีเดียวกับตัวรถ รุ่น E และ G มีไฟเลี้ยวมาให้ด้วย รุ่น E สามารถปรับด้วยไฟฟ้าได้ ส่วนรุ่น G ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า
ด้านเครื่องยนต์นั้นนะครับ ตามที่เคยคาดการณ์กันไว้ว่าจะใช้เครื่องตระกูล NR 1.2 ลิตร แล้วก็จริงซะด้วย ทุกรุ่นมากับเครื่องเบนซิน 3NR-FE 4 สูบ 16 วาล์ว DOHC ให้กำลังสูงสุด 86 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 106 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ทั้งหมดส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT-i พร้อม Shift Lock เพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้นครับ ไม่มีเกียร์กระปุก ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลงครับ
มาถึงจุดที่ใครๆหลายคนอยากรู้กันนั่นก็คือ ราคานั่นเองครับ ตอนนี้เราก็ยังไม่สามารถบอกได้เต็มปากครับว่าเท่าไหร่กันแน่ แต่จากที่ดูตามเว็บไซด์หลายเว็บโพสต์ข้อมูลกัน ทำให้เราพอจะรู้ราคาอย่างไม่เป็นทางการบ้าง ถึงอย่างไรก็ต้องรอการเปิดตัวจริงในเดือนหน้าครับ
อันนี้เป็นราคาที่ได้มาจาก www.thaiyaris.com นะครับ (อยากชัวร์ 100% ต้องรอการเปิดตัวจริงๆครับ)
รุ่น J Eco ราคา 399,000 บาท รุ่น J ราคา 439,000 บาท รุ่น E ราคา 499,000 บาท และ รุ่น G ราคา 559,000 บาทครับ
 |
ภาพ Yaris ถูกแอบถ่ายขณะพรางตัวอยู่ ภาพจากเพจ New Yaris Club |
จากราคาที่กล่าวมานี้ ราคาก็ไม่หนียี่ห้ออื่นออกไปมากนัก อาจแพงกว่ายี่ห้ออื่นบ้าง บางรุ่นถูกกว่าอีโคคาร์บางยี่ห้อด้วยซ้ำ แต่ความคิดเห็นผม รุ่น J Eco มัน Eco สมชื่อมันจริง ตัดออฟชั่นออกไปแบบสุดๆ มีแค่ล้อกระทะ ไม่มีวิทยุ กระจกมือหมุน รุ่น J ดูจะคุ้มขึ้นมาหน่อย ราคานั้น ความต่างของราคารุ่น E และ G ต่างกันแบบสุดๆถึง 60,000 บาท ก็ต้องเข้าใจว่าทางโตโยต้าจะจัดหนักรุ่นท็อปขนาดไหน ออฟชั่นครบทุกรุ่น สรุปรุ่นที่ผมคิดว่าคุ้มสุด คือ รุ่น E จัดออปชั่นแบบพอดีๆ บางออปชั่นในรุ่น G ก็ไม่จำเป็นเท่าไร ดังนั้น่าจะคุ้มสุดครับ
การเปิดตัวก็อย่างที่ว่ากันไปแล้วหลายๆครั้ง ว่าจะเปิดตัวในวันที่ 22 ต.ค. ที่ CentralWorld แม้แต่ผู้ชมบางบ้านก็สามารถมีส่วนร่วมในการเปิดตัวได้ด้วยทางหน้าจอคอมของท่านเองครับ ซึ่งตอนนี้ก็มีการเริ่มถ่ายโฆษณากันแล้ว แน่นอนว่าการเปิดตัวครั้งนี้จะต้องทำให้ตลาดที่กำลังซบเซากลับมาร้อนเป็นไฟได้อีกครั้งแน่นอน และถ้า Toyota ตั้งราคาแบบที่กล่าวไว้ข้างบนละก็ ศึกการแข่งขัน Eco car จะต้องสนุกเร้าใจแน่นอนครับ
ขอบคุณภาพจาก www.thaiyaris.com และ แฟนเพจ New Yaris Club
Update ทุกความเคลื่อนไหวไปกับเรา ได้ที่ Facebook ข้างล่างนี้
และอีกหนึ่งแฟนเพจครับ New Cars Around The World Fan Page