วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Ford Ranger Raptor เตรียมจำหน่ายที่อังกฤษต้นปีหน้า

  หลังจากที่ Ford ได้ทำการเปิดตัวสุดยอดกระบะสมรรถนะสูงอย่าง Ford Ranger Raptor ในไทยเป็นครั้งแรกในโลกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาและจะเริ่มส่งมอบรถให้กับลูกค้าช่วงสิงหาคมนี้แล้ว ล่าสุดก็มีรายงานว่ากระบะพันธุ์แกร่งสายโหดคันนี้จะวางขายในแดนผู้ดีอังกฤษช่วงต้นปีหน้าในราคาเริ่มต้นที่ 40,000 ปอนด์ (หรือประมาณ 1,763,000 บาทไทย)

  Ford Ranger Raptor จะทำการผลิตในประเทศไทย ถือเป็นรุ่นน้องของ F-150 Raptor โดยสื่ออังกฤษอย่าง Auto Express ได้คำตอบจากโฆษก Ford ของอังกฤษว่า สำหรับเวอร์ชั่นฮาร์ดคอร์ของ Ranger คันนี้ถือว่ามีความเหมาะสมกับการจำหน่ายในประเทศอังกฤษมาก เพราะที่ประเทศอังกฤษนั้น Ford Ranger ทำยอดขายได้ดีที่สุดในกลุ่ม

  แม้ยังไม่มีรายงานที่ชัดเจน ยังไม่ทราบสเปคแน่ชัด แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า Ford Ranger Raptor จะจำหน่ายในอังกฤษในราคาประมาณ 40,000 ปอนด์ (หรือประมาณ 1,763,000 บาทไทย) และพร้อมลงโชว์รูมต้นปี 2019

  สำหรับ Ford Ranger Raptor ถูกสร้างขึ้นภายใต้พื้นฐานของ Ford Ranger (T6) เหมือนเดิม แต่ได้มีการออกแบบแซสซีส์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยแซสซีส์ทำมาจาก High-strength Low-alloy (HSLA) หลายเกรดด้วยกัน ขนาดตัวถังถือว่ามีขนาดที่โตขึ้นกว่ารุ่นปกติพอสมควรอีกทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งเป็นพิเศษด้วย

ขุมพลังจะติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร Ecoblue แบบเทอร์โบคู่ พละกำลัง 213 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อม Paddle Shifter

  ระบบแซสซีส์และระบบช่วงล่าง จะติดตั้งแซสซีส์พิเศษที่รองรับการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูง , ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกอะลูมิเนียม 2 ชั้นพร้อมโช้ค Fox Racing Shox แบบมีระบบบายพาสภายใน พร้อมด้วยเหล็กกันโคลง ส่วนระบบกันสะเทือนหลังแบบคอยล์โอเวอร์ช็อคพร้อมโช้ค Fox Racing Shox แบบมีซับแท็งค์และระบบบายพาสภายในพร้อมด้วยวัตต์ลิงก์ , พวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า EPAS 

ระบบขับเคลื่อนจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Terrain Management System ที่มีโหมดการขับขี่ 6 โหมด ได้แก่- โหมด Normal ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน
- โหมด Street ใช้ในการขับขี่ทางเรียบที่ต้องใช้ความเร็ว
- โหมด Weather ใช้ในการขับขี่พื้นที่สภาพอากาศฝนตกหรือหิมะ
- โหมด Mud and Sand ใช้ในการลุยเส้นทางดินและทราย
- โหมด Baja ใช้ในการขับขี่ที่ใช้ความเร็วบนพื้นทราย
- โหมด Rock Crawl ใช้ในการขับขี่บนเส้นทางที่มีโขดหิน

สำหรับระบบเฟืองท้ายก็จะทำการติดตั้งเฟืองท้ายแบบ Electronic Locking Rear Differential

ทางด้านระบบความปลอดภัยจะมากับระบบดังต่อไปนี้- ถุงลมนิรภัย 6 ใบ (คู่หน้า ด้านข้างและม่านถุงลมนิรภัย)
- กล้องมองหลังขณะถอยจอด
- ที่ล็อคฝากระบะท้าย
- ระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน
- ระบบป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
- ระบบควบคุมการลื่นไถล Traction Control
- ระบบช่วยออกตัวขณะอยูู่บนทางลาดชัน Hill Launch Assist (HLA)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control
- ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง Trailer Sway Mitigation
- สัญญาณเตือนระยะด้านหลัง
- สัญญาณเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
- สัญญาณกันขโมยแบบ Volumetric
- ระบบกุญแจนิรภัย Immoblizer
- จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX

ที่มา Carscoops

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box