วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2561

Audi e-tron รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกจากค่ายสี่ห่วง

  ค่ายสี่ห่วง Audi ได้ทำการเปิดตัว e-tron รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย มาท้าชนกับคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz EQC , Tesla Model X  รวมทั้ง Jaguar I-Pace ถือเป็นส่วนหนึ่งของรถพลังงานไฟฟ้าในแผน และจะมีรุ่นอื่นๆตามมาในอนาคตอันใกล้ด้วย

  Audi e-tron จะขับเคลื่อนด้วยชุดมอเตอร์ไฟฟ้าแบบอะซิงโครนัส 2 ตัว ทำงานควบคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทางค่ายยังไม่บอกถึงตัวเลขแรงม้า แต่ระบุว่าสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กม./ชม.

  Audi ยังพัฒนาระบบการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ซึ่งช่วยให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถกู้พลังงานจากการปล่อยคันเร่งหรือเหยียบเบรกได้ โดยเฉลี่ยแล้วนั้นระบบนี้ค่อนข้างมีส่วนช่วยประหยัดพลังงานของรถได้ถึง 30% ขึ้นอยู่กับสภาพถนนในการขับขี่ แม้ทาง Audi ยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องระยะทางในการวิ่งของรถ ครั้ง แต่ก็มีรายงานว่าสามารถวิ่งได้ 402 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง

  Audi ยังเปิดตัวระบบขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยไฟฟ้าในรุ่นนี้ด้วย ระบบใหม่นี้ช่วยให้เกิดแรงฉุดลากที่ดีที่สุดในทุกสภาวะและช่วยกระจายแรงบิดในแต่ละเพลาได้ในเวลาเศษเสี้ยววินาที ยิ่งไปกว่านั้น e-tron SUV ยังมีระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้งที่แม่นยำ และมีระบบป้องกันการลื่นไถลเทคโนโลยีใหม่ที่ควบคุมการลื่นไถลของล้อในหน่วยมิลลิวินาที

  Audi e-tron มีโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป 7 โหมด ตั้งแต่โหมดที่ขับขี่สบายๆจนไปถึงการขับขี่ที่เรียกสมรรถนะและความโดดเด่นออกมาขั้นสุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเร็วบนท้องถนนและลักษณะการขับขี่ด้วย นอกจากนี้ e-tron ยังมากับระบบช่วงล่างที่สามารถปรับความสูงของรถได้โดยไม่เกิน 76 มม. ในการขับขี่ที่ระยะทางไกลๆความสูงของรถจะลดลงเพื่อปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศ

  แบตเตอรี่ขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมงสามารถรองรับอุปกรณ์ชาร์จไฟความเร็วสูงขนาด 150 kW ได้ ซึ่งสามารถชาร์จไฟได้ถึง 80% ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น

  รูปโฉมของ Audi e-tron ค่อนข้างมีความสวยงามและทันสมัยตามแนวทางของ Audi ยุคใหม่ ด้วยกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมพร้อมไฟหน้าที่ออกแบบให้สอดรับกัน เส้นสายด้านข้างตัวถังดูมีความชัดเจนและดูมีมิติเว้านูน ต่อเนื่องไปถึงไฟท้ายที่ออกแบบเป็นแนวยาวเชื่อมสองฝั่งเข้าด้วยกัน จุดที่เด่นสุดคงจะเป็นกระจกมองข้างของแบบอิเล็คทรอนิกส์ Virtual Mirrors ที่จะแสดงผลบริเวณจอเล็กๆที่ติดตั้งตรงแผงประตูของรถภายในห้องโดยสารนั่นเอง

  ลูกค้าในสหรัฐฯจะมี 3 ทางเลือกด้วยกัน เริ่มที่รุ่น Premium Plus ราคา 74,800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,423,000 บาทไทย , รุ่นถัดมาคือ Prestige ราคา 81,800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,650,000 บาท ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมจากรุ่นเริ่มต้น ได้แก่ Head-Up Display , ชุดระบบความปลอดภัย Driver Assistance package , กระจกหลังกรองแสงอาทิตย์ , ภายในหุ้มหนัง Valcona และระบบหน่วยความจำที่เบาะนั่งคู่หน้า

  รุ่นท็อปสุดก็คือ รุ่น First Edition ราคา 86,700 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,808,000 บาทไทย มีออปชั่นต่างๆเหมือนกับรุ่น Premium Plus และ Prestige แต่จะเพิ่มล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว , ชุดเบรกคาลิปเปอร์สีส้ม , ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้ และมีระบบช่วยมองเห็นยามค่ำคืน Night Vision Assistant ตลาดสหรัฐฯได้มาจำหน่ายทั้งหมด 999 คัน

  ส่วนชาวไทยนั้นก็ต้องมารอชมครับว่าทาง Audi Thailand สนใจจะนำเข้ามาขายหรือไม่ สาวกสี่ห่วงต้องติดตาม

ที่มา Carscoops
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box