นับว่าเป็นการเปิดตัวที่ทำให้ตลาดกระบะร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อการมาถึงของ Toyota Hilux Revo รุ่นปรับโฉมใหม่ปี 2018 ซึ่งก็สร้างความน่าสนใจแก่สาวกกระบะที่ติดตามข่าว หลังการเผยโฉมแล้วก็มีทั้งคนชอบและไม่ชอบปนๆกันไป แต่ที่แน่ๆคิดว่าตัวรถน่าจะได้กระแสทางบวกเรื่องหน้าตามากขึ้น (อาจจะยังไม่สุด) หลังจากถูกครหามานาน รวมทั้งมีการปรับลดราคา และเพิ่มรุ่นย่อยใหม่เข้ามา ผู้เขียนเลยรอรวบรวมเรื่องที่น่าสนใจของกระบะคันนี้มาให้อ่านกันครับ
1. รีบปรับโฉมใหม่ ไวแบบสายฟ้าแลบ
การปรับโฉมของ Toyota Hilux Revo 2018 ในประเทศไทยถือว่าเป็นการมาที่ค่อนข้างไวเกินคาด หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2015 และทำการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมหน้าใหม่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีนี้ นับว่าเป็นช่วงเวลาห่างกันแค่ราวๆ 2 ปีครึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการปรับที่ค่อนข้างรวดเร็วมากเพราะตามปกติแล้วกระบะจะมีการปรับดีไซน์ภายนอกครั้งใหญ่ทุกๆ 3-4 ปี ด้วยการปรับที่รวดเร็วขนาดนี้คาดว่าคงจะเป็นเพราะเรื่องหน้าตาที่หลายๆท่านบ่นกัน รวมทั้งคู่แข่งในตลาดที่ต่างมีจุดเด่นน่าสนใจกันทั้งนั้นจนทำให้ Toyota เสียส่วนแบ่งไปพอสมควร ผู้เขียนเองก็ไม่ทราบว่าที่ประเทศอื่นจะได้หน้าตาแบบนี้หรือไม่ เพราะ Toyota Hilux ที่เพิ่งนำไปเปิดตัวที่ญี่ปุ่นก็ยังคงใช้ใบหน้าเก่าอยู่
แต่อย่างไรก็ตามการปรัับของ Hilux Revo ครั้งนี้อาจจะยังไม่ใช่การปรับใหญ่จริงๆ มันอาจเป็นเพียงแค่การปรับหน้าตาแก้ขัดไปก่อนก็ได้ ผมยังเชื่อว่า Toyota อาจจะมีการปรับครั้งใหญ่ที่น่าจะมีการปรับทั้งหน้าตาภายนอก-ด้านท้าย ล้ออัลลอยลายใหม่ รวมทั้งภายในใหม่อีกครั้ง แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็คงต้องติดตามกันต่อไป
2. ปรับหน้าตาใหม่เฉพาะตัวยกสูง ตัวเตี้ยหน้าเดิมแต่ตกแต่งเพิ่ม
แน่นอนว่าปัญหาสำคัญที่ Toyota น่าจะรับรู้ก็คงจะเป็นเรื่อง "หน้าตา" ที่ใครบางคนอาจจะไม่ชอบ บ้างก็ว่าหน้ายาวเหมือนเรือบ้าง หน้าเหมือนปลาดุก ปลากระโห้บ้าง แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่พอใจในหน้าตารุ่นเดิม ดังนั้น Toyota จึงทำการออกแบบด้านหน้าใหม่ให้ดูลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม และด้วยความยาวตัวรถที่ลดลงราวๆ 15 มิลลิเมตร คาดว่า Toyota น่าจะไปแก้ในส่วนด้านหน้าให้ดูสั้นลง จากกันชนหน้าที่ดูยาวๆมีปากอ้ากว้างๆ ได้มีการออกแบบให้กระจังหน้าและกันชนหน้ามีความเสมอกันกว่าเดิม ส่วนดีไซน์จะสวยลงตัวมากขึ้นหรือเปล่าก็แล้วแต่คนเห็นของแต่ละบุคคล
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วแม้จะมีการปรับโฉมหน้าใหม่นั้นก็มีการปรับเฉพาะตัวถังยกสูงเท่านั้น ส่วนบรรดาตัวเตี้ยทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเกรด J Plus , E และ G นั้นยังคงใช้ดีไซน์ด้านหน้าเหมือนเดิม มีเพียงแค่การปรับการตกแต่งกระจังหน้าใหม่ ตกแต่งใต้กันชนหน้า และกรอบไฟตัดหมอกใหม่เท่านั้น ใครที่อยากได้ตัวเตี้ยหน้าใหม่คงต้องหาทางแปลงกันเอาเอง
ดีไซน์ด้านหน้าใหม่ ค่อนข้างชัดเจนว่ามีคาแร็คเตอร์สไตล์อเมริกันมากขึ้น โดยมีแนวการออกแบบจากกระบะรุ่นพี่ที่ขายในสหรัฐฯอย่าง Toyota Tacoma และ Toyota Tundra แต่ก็แน่นอนว่ามีหลายคนที่ไม่รู้จักกระบะ 2 รุ่นนี้ก็จะมองว่า Revo นั้นไปลอกเลียนดีไซน์ของ Ford Ranger รุ่น Wildtrak อย่างไรก็ตามก็มีบางคนคิดว่าความคิดในการเอารุ่นพี่อย่าง Tacoma และ Tundra มาเป็นต้นแบบดีไซน์ของ Revo ตัวใหม่นั้นเป็นแค่ข้ออ้าง เพราะจริงๆก็ตั้งใจจะเลียนแบบ Ford แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาของ Ford Ranger มีส่วนให้ค่าย Ford มียอดขายเพิ่มขึ้น คงจะเป็นเพราะลูกค้ากระบะชอบหน้าตาแกร่งๆเท่ๆ Toyota จึงต้องเอากับเขาบ้าง
ในความคิดผู้เขียนนั้นไม่ได้คิดว่า Toyota ไปลอกหน้าของ Ford แต่อย่างใด แต่คิดว่า Toyota ลอกสูตรสำเร็จของ Ford น่าจะดีกว่า หรือจะเรียกดีๆหน่อยก็ เดินตายรอยสูตรสำเร็จของ Ford นั่นเอง ฉะนั้นใครจะเถียงกันว่าคันนั้นลอกคันนี้ คันนี้ลอกคันนั้นก็เชิญเถียงกันต่อไป ผู้เขียนขอไปโฟกัสเรื่องอื่นของรถดีกว่า
ในความคิดผู้เขียนนั้นไม่ได้คิดว่า Toyota ไปลอกหน้าของ Ford แต่อย่างใด แต่คิดว่า Toyota ลอกสูตรสำเร็จของ Ford น่าจะดีกว่า หรือจะเรียกดีๆหน่อยก็ เดินตายรอยสูตรสำเร็จของ Ford นั่นเอง ฉะนั้นใครจะเถียงกันว่าคันนั้นลอกคันนี้ คันนี้ลอกคันนั้นก็เชิญเถียงกันต่อไป ผู้เขียนขอไปโฟกัสเรื่องอื่นของรถดีกว่า
การมาของ Toyota Hilux Revo 2018 นั้นถือว่าแปลกตรงที่ยังมีรุ่นที่ไม่ปรับแต่งดีไซน์ภายนอกเลยมาวางขายด้วย โดยสังเกตว่ารุ่นนั้นจะถูกพ่วงชื่อรุ่นย่อยด้วย MY2017 (ย่อมาจาก Model Year 2017) ถ้าเอาตามความเข้าใจของผู้เขียน มันคือการเอารถรุ่นปี 2017 มาอัปเกรดเพิ่ม ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็น MY2017.2 ก็ได้ โดยจะมีการเพิ่มออปชั่นบางอย่างให้ครบครันมากขึ้น อย่างเช่น
* รุ่น J Plus Prerunner MY2017 ที่มีการเพิ่มยางกันโคลนหน้า , เพิ่มล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว , เพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง และเปลี่ยนสีภายในสีดำ
* รุ่น J Plus ตัวเตี้ย MY2017 เพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง
* รุ่น J ตัวเตี้ยและขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มกระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ และระบบป้องกันการหนึบเฉพาะผู้ขับ , เพิ่มกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า (พับด้วยมือ) , เพิ่มแผงประตูสีดำ (บุผ้า) , เพิ่มเซ็นทรัลล็อคแบบ Speed Auto Lock , เพิ่มกุญแจรีโมทแบบ Jack Knife Key และเพิ่มไฟแสดงตำแหน่งกุญแจ
* รุ่น J Plus Prerunner MY2017 ที่มีการเพิ่มยางกันโคลนหน้า , เพิ่มล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว , เพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง และเปลี่ยนสีภายในสีดำ
* รุ่น J Plus ตัวเตี้ย MY2017 เพิ่มไล่ฝ้ากระจกหลัง
* รุ่น J ตัวเตี้ยและขับเคลื่อน 4 ล้อ เพิ่มกระจกไฟฟ้าแบบขึ้น-ลงอัตโนมัติ และระบบป้องกันการหนึบเฉพาะผู้ขับ , เพิ่มกระจกมองข้างปรับไฟฟ้า (พับด้วยมือ) , เพิ่มแผงประตูสีดำ (บุผ้า) , เพิ่มเซ็นทรัลล็อคแบบ Speed Auto Lock , เพิ่มกุญแจรีโมทแบบ Jack Knife Key และเพิ่มไฟแสดงตำแหน่งกุญแจ
5. รุ่นตกแต่งพิเศษระดับท็อป "Rocco"
การปรับปรุงโฉมของ Toyota Hilux Revo ครั้งนี้ยังมีความพิเศษอีกหนึ่งเรื่องก็คือ การเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษระดับท็อปที่มีชื่อว่า "Rocco (ร็อคโค่)" ซึ่งแน่นอนว่าพอผู้เขียนบอกว่าระดับท็อปแล้ว ต้องไม่ใช่การเอารุ่นรองๆมาตกแต่งเหมือน TRD Sportivo แน่นอน แต่เป็นการนำรุ่นท็อปของทั้งตัวถัง Smart Cab และ Double Cab นั่นก็คือรุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ ทั้งระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ มาทำการตกแต่งภายนอกให้มีความแข็งแกร่งและบึกบึนมากขึ้น ต่างจากรุ่น TRD Sportivo ที่เน้นความสปอร์ต
โดยคู่แข่งสำคัญของ Toyota Hilux Revo Rocco ก็คงจะหนีไม่พ้น Ford Ranger Wildtrak , Isuzu D-Max V-Cross Max , Nissan Navara Sportech มีรุ่นย่อยให้เลือกดังต่อไปนี้
- Smart Cab 2.8 MT Prerunner ราคา 899,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 44,000 บาท)
- Smart Cab 2.8 MT 4x4 ราคา 953,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 44,000 บาท)
- Double Cab 2.8 AT Prerunner ราคา 1,129,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 50,000 บาท)
- Double Cab 2.8 MT 4x4 ราคา 1,119,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 50,000 บาท)
- Double Cab 2.8 AT 4x4 ราคา 1,189,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 50,000 บาท)
การปรับปรุงโฉมของ Toyota Hilux Revo ครั้งนี้ยังมีความพิเศษอีกหนึ่งเรื่องก็คือ การเปิดตัวรุ่นตกแต่งพิเศษระดับท็อปที่มีชื่อว่า "Rocco (ร็อคโค่)" ซึ่งแน่นอนว่าพอผู้เขียนบอกว่าระดับท็อปแล้ว ต้องไม่ใช่การเอารุ่นรองๆมาตกแต่งเหมือน TRD Sportivo แน่นอน แต่เป็นการนำรุ่นท็อปของทั้งตัวถัง Smart Cab และ Double Cab นั่นก็คือรุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ ทั้งระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ มาทำการตกแต่งภายนอกให้มีความแข็งแกร่งและบึกบึนมากขึ้น ต่างจากรุ่น TRD Sportivo ที่เน้นความสปอร์ต
โดยคู่แข่งสำคัญของ Toyota Hilux Revo Rocco ก็คงจะหนีไม่พ้น Ford Ranger Wildtrak , Isuzu D-Max V-Cross Max , Nissan Navara Sportech มีรุ่นย่อยให้เลือกดังต่อไปนี้
- Smart Cab 2.8 MT Prerunner ราคา 899,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 44,000 บาท)
- Smart Cab 2.8 MT 4x4 ราคา 953,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 44,000 บาท)
- Double Cab 2.8 AT Prerunner ราคา 1,129,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 50,000 บาท)
- Double Cab 2.8 MT 4x4 ราคา 1,119,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 50,000 บาท)
- Double Cab 2.8 AT 4x4 ราคา 1,189,000 บาท (ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ 50,000 บาท)
6. ราคาลดลงในหลายรุ่น
และอีกเรื่องที่น่าสนใจใน Hilux Revo รุ่นใหม่ก็คือเรื่องราคาค่าตัวนั่นเอง ซึ่งคราวนี้ทาง Toyota ก็ได้หั่นราคาลงในหลายรุ่นย่อยด้วยกัน ราคาที่ลดลงก็ลดตั้งแต่ 10,000 จนไปถึง 30,000 บาท ก็จะมีเพียงบางรุ่นที่ยังคงราคาเดิมและเพิ่มราคาอันเนื่องมาจากการตกแต่งเพิ่มเติมนั่นเอง คาดว่ารุ่นที่ลดราคานั้นก็อาจจะมีส่วนลดจากทางศูนย์บริการที่ลดลงตามลงไปด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปสอบถามกับศูนย์บริการที่ท่านต้องการจะไปซื้อรถดูครับ
7. รุ่นย่อยเยอะที่สุดในบรรดาคู่แข่งกระบะที่ขายในไทย
เป็นที่เด่นชัดเลยว่า Toyota Hilux Revo 2018 เป็นกระบะที่มีทางเลือกรุ่นย่อยเยอะที่สุดในบรรดาคู่แข่งที่ขายในไทยเลยก็ว่าได้ เพราะมีทางเลือกให้กับลูกค้ามากที่สุดถึง 48 รุ่นย่อยกันเลยทีเดียว ส่วนค่ายที่มีรุ่นย่อยรองลงมาก็เห็นจะเป็น Isuzu D-Max ที่มีให้เลือก 36 รุ่นซึ่งก็นับว่าเยอะมากพอแล้ว แต่ก็ยังห่างจาก Toyota มากพอสมควร ผู้เขียนก็เชื่อว่าพนักงานขายก็น่าจะงงๆบ้างกับรุ่นย่อยที่เยอะขนาดนี้ จะเรียกว่าการมีรุ่นย่อยที่เยอะนั้นจะตอบสนองความต้องการได้อย่างกว้างขวางหรืออาจจะเกินความจำเป็นกันแน่ ทั้งนี้เรื่องนี้ทุกท่านก็ไปพิจารณากันเอาเองครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Toyota Hilux Revo รุ่นปรับโฉมใหม่ครับ อาจจะมีหลายเรื่องที่ไม่ได้รวบรวมมา แต่ผู้เขียนก็พยายามรวบรวมเท่าที่พอจะนึกออกครับ หากใครสนใจไปชมรถคันจริงก็สามารถไปดูกันได้แล้วที่ศูนย์บริการของ Toyota ทั่วประเทศครับ
*******************************************************************************************
เรียบเรียงข้อมูลโดย Car News Update
สามารถ Copy เนื้อหาไปเผยแพร่ที่อื่นได้ แต่กรุณาให้เครดิตที่นี่ด้วย!!!
และอีกเรื่องที่น่าสนใจใน Hilux Revo รุ่นใหม่ก็คือเรื่องราคาค่าตัวนั่นเอง ซึ่งคราวนี้ทาง Toyota ก็ได้หั่นราคาลงในหลายรุ่นย่อยด้วยกัน ราคาที่ลดลงก็ลดตั้งแต่ 10,000 จนไปถึง 30,000 บาท ก็จะมีเพียงบางรุ่นที่ยังคงราคาเดิมและเพิ่มราคาอันเนื่องมาจากการตกแต่งเพิ่มเติมนั่นเอง คาดว่ารุ่นที่ลดราคานั้นก็อาจจะมีส่วนลดจากทางศูนย์บริการที่ลดลงตามลงไปด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปสอบถามกับศูนย์บริการที่ท่านต้องการจะไปซื้อรถดูครับ
7. รุ่นย่อยเยอะที่สุดในบรรดาคู่แข่งกระบะที่ขายในไทย
เป็นที่เด่นชัดเลยว่า Toyota Hilux Revo 2018 เป็นกระบะที่มีทางเลือกรุ่นย่อยเยอะที่สุดในบรรดาคู่แข่งที่ขายในไทยเลยก็ว่าได้ เพราะมีทางเลือกให้กับลูกค้ามากที่สุดถึง 48 รุ่นย่อยกันเลยทีเดียว ส่วนค่ายที่มีรุ่นย่อยรองลงมาก็เห็นจะเป็น Isuzu D-Max ที่มีให้เลือก 36 รุ่นซึ่งก็นับว่าเยอะมากพอแล้ว แต่ก็ยังห่างจาก Toyota มากพอสมควร ผู้เขียนก็เชื่อว่าพนักงานขายก็น่าจะงงๆบ้างกับรุ่นย่อยที่เยอะขนาดนี้ จะเรียกว่าการมีรุ่นย่อยที่เยอะนั้นจะตอบสนองความต้องการได้อย่างกว้างขวางหรืออาจจะเกินความจำเป็นกันแน่ ทั้งนี้เรื่องนี้ทุกท่านก็ไปพิจารณากันเอาเองครับ
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Toyota Hilux Revo รุ่นปรับโฉมใหม่ครับ อาจจะมีหลายเรื่องที่ไม่ได้รวบรวมมา แต่ผู้เขียนก็พยายามรวบรวมเท่าที่พอจะนึกออกครับ หากใครสนใจไปชมรถคันจริงก็สามารถไปดูกันได้แล้วที่ศูนย์บริการของ Toyota ทั่วประเทศครับ
*******************************************************************************************
เรียบเรียงข้อมูลโดย Car News Update
สามารถ Copy เนื้อหาไปเผยแพร่ที่อื่นได้ แต่กรุณาให้เครดิตที่นี่ด้วย!!!
http://www.toyota-price-thailand.com
ตอบลบ