วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2562

Audi e-tron Sportback รถครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าสี่ห่วงเวอร์ชั่นคูเป้

   หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมาทาง Audi ได้เปิดตัว e-tron รถอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายไปแล้ว คราวนี้ทาง Audi ก็มีอีกหนึ่งรูปแบบตัวถังมาให้เป็นทางเลือก ในสไตล์ครอสโอเวอร์คูเป้ภายใต้ชื่อ "Audi e-tron Sportback"
ด้านหน้ายังคงมากับดีไซน์ในแบบที่คุ้นเคยใน e-tron รุ่นปกติ ยังคงมีกระจังหน้าสี light platinum gray พร้อมทั้งไฟหน้าแบบ matrix LED ส่วนครึ่งคันหลังจะมาในแนวสปอร์ตคูเป้ด้วยช่วงท้ายที่ดูลาด และไฟท้าย LED ดีไซน์เรียวที่ออกแบบเป็นแนวยาวเชื่อมสองฝั่งเข้าด้วยกัน 


  นอกจากนี้ภายนอกมาพร้อมกับซุ้มล้อรอบคันสีเทาแอนทราไซด์เป็นมาตรฐาน แต่ลูกค้ายังสามารถเลือกออปชั่นเป็นสีเทาหรือสีเดียวกับตัวรถได้ ในทำนองเดียวกันรถจะได้ล้อขนาด 19 นิ้วเป็นมาตรฐานแต่สามารถเลือกออปชั่นเป็นล้อลายอื่นๆก็ได้ โดยมีล้อให้เลือกเป็นล้อที่มีขนาดสูงสุด 22 นิ้ว

   สำหรับรุ่น S-Line จะมีรูปลักษณ์ที่ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต สปอยเลอร์หลัง และล้อขนาด 20 นิ้ว แพคเกจนี้ยังรวมถึงช่วงล่างถุงลมแบบสปอร์ตและแผ่นธรณีประตูแบบเรืองแสงพร้อมโลโก้ S-Line


  กระจกมองข้างดิจิตอลทำให้ e-Tron Sportback S-Line มีค่าสัมประสิทธิ์ความเสียดทานรถเท่ากับ 0.25  ซึ่งมาจากการปรับปรุงแอโรไดนามิกใน Sportback จากตัวถังปกติ นั่นส่งผลให้รถสามารถเดินทางได้ไกลกว่ารุ่นปกติประมาณ 10 กม.

   ด้วยความที่เป็นรุ่น Sportback พื้นที่ใช้สอยก็จะลดน้อยถอยหลัง เห็นชัดจากพื้นที่ศีรษะบริเวณเบาะนั่งด้านหลังลดลง 20 มม.  สำหรับความจุสัมภาระสูงสุดนั้นจะสามารถรองรับสัมภาระได้มากถึง 1,655 ลิตร  เมื่อพับเบาะหลังลง 


  ห้องโดยสารจะเหมือน e-tron รุ่นปกติและยังคงมาในแนว Audi ยุคใหม่ มาพร้อมกับแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอตรงกลางขนาด 12.1 นิ้วซึ่งเป็นตำแหน่งของระบบอินโฟเทนเมนต์และหน้าจอขนาด 8.6 นิ้วที่ต่ำลงมาอันเป็นพื้นที่สำหรับปรับหรือควบคุมอุณหภูมิรถและตั้งค่าความสะดวกสบายในห้องโดยสาร

  ลูกค้าจะมีออปชั่นให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งด้านหน้าพร้อมระบบระบายความร้อนและฟังก์ชั่นนวด รวมถึงระบบแสงสว่างภายในห้องโดยสาร และระบบเครื่องเสียงพรีเมี่ยมของ Bang & Olufsen ลูกค้ายังสามารถสั่งซื้อระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่จำนวนมากได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบช่วยในการมองเห็นตอนกลางคืน และระบบแสดงภาพรอบทิศทาง

  e-tron รุ่น Sportback 55 quattro มีแบตเตอรี่ขนาด 95 kWh ที่ขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ให้พละกำลังรวม 360 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด 561 นิวตันเมตร ส่งผลให้ครอสโอเวอร์คูเป้คันนี้สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.6 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 200 กม./ชม วิ่งได้สูงสุด 466 กม. ตามมาตรฐาน WLTP (Worldwide harmonized Light vehicle Test Procedure)

   และเมื่อใช้ S Mode มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 408 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 664 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ลดลงเหลือเพียง 5.7 วินาทีเท่านั้น


  หากลูกค้าอยากได้ทางเลือกที่ประหยัดตังค์ขึ้น ยังมี e-tron Sportback 50 ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 71 kWh ซึ่งเล็กลงและมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังน้อยกว่าโดยอยู่ที่ 313 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 540 นิวตันเมตร สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 6.8 วินาทีและความเร็วสูงสุด 190 กม./ชม อีกทั้งยังมีระยะทางวิ่งเหลือ 347 กม.

   ในขณะที่ Audi มีชื่อเสียงด้านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro แต่จริงๆ แล้วนั้น e-Tron Sportback จะเป็นแบบระบบขับเคลื่อนล้อหลังเกือบตลอดเวลา ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพรถและยังสามารถเรียกใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้ทันทีตามต้องการ ในกรณีที่รถเกิดการลื่นไถล หรือหากตรวจพบสภาพพื้นผิวถนนที่เป็นน้ำแข็ง หรือหากเกิดการเข้าโค้งอย่างรวดเร็วเกิน ไม่ก็อาจจะเป็นอาการโอเวอร์สเตียร์/อันเดอร์สเตียร์


  ทางด้านประสิทธิภาพการชาร์จ เมื่อถึงเวลาชาร์จเจ้าของสามารถรับ 80% ในเวลาน้อยกว่า 30 นาทีโดยใช้ระบบชาร์จเร็วแบบกระแสตรง DC fast charger 120 kW (ในรุ่น Sportback 50) หรือ 150 kW (รุ่นSportback 55) อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการชาร์จรถส่วนใหญ่ของลูกค้าจะอยู่ที่บ้านเป็นหลัก ดังนั้นจึงมีเครื่องชาร์จไฟที่รองรับระบบชาร์จไฟบ้าน 230 โวลต์มาให้ด้วยเช่นกัน

   e-tron Sportback จะมีการเปิดตัวในยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า (มีนาคม 2020) โดยในเยอรมนีจะมีราคาเริ่มต้นที่ 71,350 ยูโร (ประมาณ 2,395,000 บาท)

 ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข่าวสารยานยนต์ได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ครับ
  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box