Aston Martin Vantage โฉมที่ผ่านมาถือเป็นรถที่ได้รับคำชมและได้รับการยกย่องอย่างล้นหลามด้วยรูปลักษณ์ที่ดูสวยงาม ฉะนั้นการเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ Vantage ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของทางค่าย และพวกเขาก็ได้เปิดตัวโฉมใหม่ของ Aston Martin Vantage ออกมาแล้วหลังจากที่โฉมเก่าอยู่ในตลาดมาเนิ่นนาน
ทุกสิ่งทุกอย่างใน All-New Aston Martin Vantage ถือเป็นของใหม่แทบทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแซสซีส์จนไปถึงระบบส่งกำลัง มากับเทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยหลายอย่างและการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีเยี่ยม
เครื่องยนต์นั้นมากับเครื่องเบนซิน 4.0 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบจาก AMG มากับพละกำลัง 510 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 685 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 313 กม./ชม.
ทาง Aston Martin ยังวางตำแหน่งเครื่องยนต์ให้ต่ำและไกลด้านหน้าและเข้าใกล้ด้านท้ายรถที่สุดเพื่อให้รถตั้งอยู่ในจุดศูนย์ถ่วงที่ดีที่สุด และยังมีอัตราการกระจายน้ำหนักรถ 50:50 อีกด้วย โดยน้ำหนักตัวรถไม่รวมของเหลวอยู่ที่ 1,530 กิโลกรัม
แซสซีส์ของ Vantage เป็นการต่อยอดมาจากรุ่นพี่อย่าง DB11 ทาง Aston Martin อ้างว่ากว่า 70% นั้นเป็นของใหม่หมดจด โดยมีการออกแบบซับเฟรมด้านหลังให้แข็งแรงมากขึ้นเพื่อให้ผู้ขับขี่สัมผัสและเข้าถึงกับระบบกันสะเทือนของรถที่ด้านหน้าเป็นแบบดับเบิลวิชโบนและด้านหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ Sport, Sport Plใหเus และ Track
All-New Aston Martin Vantage เป็นรถรุ่นแรกของบริษัทที่ใช้ระบบเฟืองท้ายด้านหลังแบบ Electronic Differential (E-Diff) ที่ทำงานเชื่อมต่อกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ถือว่าระบบใหม่ที่สามารถปรับจูนให้เหมาะกับลักษณะของนิสัยของรถได้มากกว่าเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป ทำให้รถรู้สึกนิ่งขึ้นทั้งในทางตรงและขณะเข้าโค้ง
สำหรับดีไซน์ภายนอกถือเป็นการยกระดับรูปโฉมให้ทันสมัยและดุดันมากขึ้น มีดีไซน์ที่ได้กลิ่นอายจาก Aston Martin ยุคใหม่มาเต็มๆ จะเห็นว่าด้านหน้ามากับโคมไฟที่ดูเรียวกว่าเดิมและกันชนหน้าที่มากับช่องระบายอากาศขนาดใหญ่เหมือนรถแข่ง กันชนหน้ามีลิ้นด้านหน้าสีดำเพื่อรองรับการไหลเวียนของอากาศใต้ท้องรถจากด้านหน้าไปด้านท้ายให้ไหลไปตามทางที่เหมาะสม หรือแม้แต่ช่องระบายอากาศที่แก้มด้านข้างยังออกแบบให้ช่วยลดความดันอากาศที่ซุ้มล้อ เส้นสายด้านข้างดูมีความโค้งมน ปราดเปรียวเหมือน DB10 ในภาพยนตร์ 007 ด้านท้ายมีการออกแบบโคมไฟท้ายให้มีลูกเล่นลากยาวจากซ้ายจรดขวาไหลไปตามสัดส่วนของฝาท้าย
ภายในห้องโดยสารออกแบบให้มีความทันสมัยน่าสัมผัสยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เข้ามาก็จะพบกับชุดหน้าปัดแบบดิจิตอล พวงมาลัย และหน้าจอสัมผัสชุดเดียวกับ DB11 แม้ปุ่มภายในจะดูเยอะแต่ก็จัดวางเรียงอย่างสวยงาม นอกจากนี้ยังมี Touchpad ควบคุมหน้าจอที่ยกมาจาก Mercedes-Benz เหมือนใน DB11 อีกด้วย
All-New Aston Martin Vantage เริ่มเปิดรับจองแล้วตอนนี้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 120,900 ปอนด์ หรือประมาณ 5,245,000 บาทไทยไม่รวมภาษี และคาดว่าน่าจะเริ่มการส่งมอบได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 ครับ ส่วนเมืองไทยจะมีการเปิดตัวเมื่อไหร่ก็ต้องติดตามให้ดี
ที่มา Carscoops
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย