ครึ่งคันหน้าไม่ต้องพูดถึงเพราะเหมือนกับรุ่นซีดานทุกประการ แต่ในส่วนของครึ่งคันหลังจะมีการออกแบบช่วงประตูหลังและกระจกบานท้ายที่ดูลาดเอียงกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนด้านท้ายจะใช้โคมไฟท้ายแบบ LED พร้อมกันชนท้ายเหมือนกับตัวซีดาน
ภายนอกจะได้ไฟหน้าแบบ LED มาเป็นมาตรฐาน ส่วนในรุ่นท็อปๆนั้นจะได้ไฟหน้าแบบ HD Matrix LED พร้อม Daytime Running Lights และด้วยทรวดทรงตัวถังที่ดูเพรียวและสปอร์ตนั้นส่งผลทำให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของรถอยู่ที่ 0.27 เท่านั้น
ภายในห้องโดยสารยกคอนโซลหน้ามาจากตัวถังซีดานเลย ติดตั้งชุดหน้าปัดแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว , หน้าจอระบบ Infotainment ตรงกลางขนาด 10.1 นิ้ว ถัดลงมาจะเป็นหน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 8.6 นิ้วที่ใช้ควบคุมระบบปรับอากาศและฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอื่นๆได้ นอกจากนั้นแล้วยังมีระบบนำทาง MMI navigation plus system ด้วย
ลูกค้ายังสามารถเลือกการตกแต่งภายในห้องโดยสารได้ ได้แก่ หนังแบบ Valcona , ลายไม้ภายในรถแบบ Open-Pore , เบาะนั่งคู่หน้าดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นปรับอุ่น ระบายอากาศและฟังก์ชั่นนวด ลูกค้ายังสามารถสั่งซื้อออปชั่นอย่างจอ Head-Up Display , หลังคาซันรูฟแบบ Panoramic , ระบบเครื่องจาก Bang & Olufsen พร้อมลำโพง 19 ตัว และ ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสารพร้อมฟังก์ชั่นกลิ่นหอม
อีกหนึ่งข้อได้เปรียบสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถเวอร์ชั่นแวกอนก็คือการได้พื้นที่จุสัมภาระได้เยอะกว่า โดยความจุด้านหลังของ Audi A6 Avant โฉมนี้จะอยู่ที่ 565 ลิตร และเมื่อพับเบาะแถวที่ 2 ลงจะทำให้เพิ่มความจุเป็น 1,680 ลิตร โดยเบาะจะมีอัตราส่วนการพับที่ 40:20:40 นอกจากนี้แล้วยังมีการติดตั้งฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้ามาให้ด้วย
ขุมพลังแม้ทาง Audi จะไม่ได้บอกแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าน่าจะใช้เครื่องเดียวกับตัวถังซีดาน โดยมีทางเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร TFSI V6 มากับพละกำลังสูงสุดที่ 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร ตามด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร TDI V6 มากับพละกำลังสูงสุดที่ 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 620 นิวตัน-เมตร และไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ตัวไหน Audi ก็ได้ทำการติดตั้งระบบ Mild-Hybrid ที่มาพร้อมกับ belt-alternator starter และแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน
ในด้านการขับขี่ Audi ได้ติดตั้งระบบพวงมาลัยแบบไฟฟ้า และมีออปชั่นพิเศษให้เลือกก็คือระบบบังคับเลี้ยวที่บังคับล้อหลังให้เลี้ยวได้ 5 องศาที่ความเร็วต่ำ ซึ่งจะทำให้รถมีรัศมีวงเลี้ยวที่แคบลง นอกจากนี้ยังมีระบบช่วงล่างที่แตกต่างกัน 4 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นช่วงล่างแบบมาตรฐาน , ช่วงล่างแบบสปอร์ต , ช่วงล่างถุงลม และ ช่วงล่างที่มีโช้คอัพสามารถปรับระดับได้
เช่นเดียวกับ Audi A8 ใน A6 Avant มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากมาย ซึ่งรวมถึงระบบเซ็นเซอร์เรดาร์ 5 ตัว , กล้อง 5 ตัว , เซ็นเซอร์เรดาห์โซนิค 12 ตัว และ ระบบ Laser Scanner
ยังไม่มีข้อมูลว่า Audi A6 Avant จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและวางขายเมื่อไหร่ สาวกสี่ห่วงต้องติดตาม!
ที่มา Carscoops
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย