ก็เหมือนกับที่หลายๆคนที่เคยเจอของจริงหรือเห็นผ่านโซเชียล Ford Ranger Wildtrak จะมีการออกแบบกระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ โดยส่วนของกระจังหน้าจะมีการออกแบบรายละเอียดใหม่เหมือนรุ่น XLT , Limited ที่ถูกถ่ายภาพได้ แต่ใน Wildtrak จะเป็นสีดำลากยาวมาจนถึงกันชนหน้ารถ รวมทั้งมีการออกแบบกรอบไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ที่ดูใหญ่และเด่นชัดขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังเห็นได้ชัดว่าไฟหน้ารถจะมีไฟ LED Daytime Running Lights มาให้แบบใน Everest อีกด้วย
เสาอากาศของรถจะย้ายจากด้านหน้าไปไว้ด้านหลัง นอกจากนี้จะเห็นในส่วนของมือจับประตูที่มี Keyless Entry บ่งบอกว่าในรุ่น Wildtrak จะมีปุ่มสตาร์ทเพิ่มเข้ามาให้ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือแก้มด้านข้างที่ติดด้านข้างว่า "Bi-Turbo" ที่เหมือนจะเป็นตัวยืนยันได้ว่า Ranger Wildtrak จะได้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo บล็อกใหม่ล่าสุดด้วย ส่วนกระบะท้ายไม่มีการออกแบบรายละเอียดใหม่แต่ในรถทดสอบมีฝาปิดด้านบนกระบะท้ายด้วย
และคราวนี้เราจะได้เห็นภาพภายในห้องโดยสารด้วย ซึ่งเห็นถึงการปรับเปลี่ยนรายละเอียดหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารที่มีสัญลักษณ์ Wildtrak หัวเกียร์ดีไซน์ใหม่เหมือนใน Ranger Raptor และเบาะนั่งที่ปรับเปลี่ยนการตกแต่งใหม่
ด้วยแก้มด้านข้างทีีมีโลโก้ Bi-Turbo อย่างที่บอกครับว่า Wildtrak อาจจะได้ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Ecoblue แบบในตัว Raptor ที่มีพละกำลัง 213 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดลูกใหม่ล่าสุด ซึ่งก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า Ford จะปรับสมรรถนะให้แตกต่างจากรุ่น Raptor หรือไม่ เพื่อไม่ให้ทับกัน
และจากรถทดสอบที่เป็นพวงมาลัยขวานั้นก็ขอเดาว่าคงจะส่งมาจากเมืองไทยหรือเปล่า และการที่ไปวิ่งทดสอบในสหรัฐฯก็เป็นไปได้ว่า Ranger เวอร์ชั่นสหรัฐฯ อาจจะมีทางเลือก Wildtrak และ Raptor เพิ่มเติมเหมือนเวอร์ชั่นตลาดโลกก็เป็นได้ หรืออาจจะเอามาวิ่งทดสอบเฉยๆ เหมือนที่ Prius เจเนเรชั่นล่าสุดเคยมาวิ่งในไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วคาดว่าคนไทยน่าจะใช้สัมผัส Ford Ranger Minor Change ภายในช่วงกลางปีนี้เป็นอย่างเร็วที่สุดครับ
ภาพจาก Paultan
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย