ซึ่งการเปลี่ยนแปลงภายนอกรถนั้น ถ้าใครคาดหวังว่ามันจะปรับหนักๆ เปลี่ยนเยอะ ภายในเพิ่มอะไรใหม่ๆนั้น บอกเลยว่าไม่ใช่แบบที่เคยคิดกันไว้เลยครับ ภายนอกนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนก็คือ โคมไฟหน้าใหม่ที่ยังเป็นแบบฮาโลเจนพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กระจังหน้าแบบใหม่ที่ออกแบบตามแนว Kodo Design คล้ายๆ Mazda 2 ส่วนกันชนหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่ที่ดูสวยงามและสปอร์ตยิ่งขึ้น ส่วนไฟท้ายก็มีการเปลี่ยนรายละเอียดโคมไฟใหม่ให้ดูดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนสีตัวถังใหม่นั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนกันถึง 5 สีด้วยกัน ได้แก่ สีน้ำตาล Titanium Flash, ขาวมุก Snowflake White Pearl, น้ำเงิน Deep Crystal Blue, แดง True Red, เงิน Aluminum Metallic และ 2 สีเดิมคือ ขาว Cool White และดำ Black Mica
ภายในห้องโดยสารนั้น ก่อนหน้านี้ที่เคยคาดหวังว่าจะมีจอสัมผัส หรือ MZD Connect ปรากฏว่าไม่มีอะไรอย่างที่คิดไว้เลย ภายในยังเหมือนเดิมทุกประการไม่มีการออกแบบใหม่ใดๆทั้งสิ้น หรือแม้แต่ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Mazda ก็ยังไม่ใส่มาให้เลย แต่ภายในก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้มาให้เท่าที่จำเป็น อันได้แก่ จออเนกประสงค์ MID ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth ตกแต่งภายในด้วยโทนสีดำ แผงประตูตกแต่งด้วยวัสดุสี Gun Metallic จออเนกประสงค์แบบ Dot Matrix ตรงกลางคอนโซล มากับระบบเครื่องเล่นวิทยุ CD MP3 พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB AUX มาพร้อมกับลำโพง 6 ตัว
สำหรับขุมพลังนั้นก็เป็นขุมพลังชุดเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง โดยมีทั้งหมด 4 ขุมพลังด้วยกัน ได้แก่
- เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล Di-THUNDER PRO VN TURBO เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ DOHC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 2.2 ลิตร แรงม้าสูงสุด 125 แรงม้าที่ 3,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 1600-1700 รอบต่อนาที
- เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล Di-THUNDER PRO VN TURBO เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ DOHC แบบ 5 สูบ 20 วาล์ว ขนาด 3.2 ลิตร แรงม้าสูงสุด 200 แรงม้าที่ 3,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมฟังก์ชั่น Up-Shift Indicator เป็นสัญญาณไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์ที่หน้าปัด ช่วยเตือนให้ผู้ขับเปลี่ยนเกียร์ตามช่วงความเร็วที่เหมาะสม เพื่อลดการลากรอบเครื่องยนต์โดยไม่จำเป็น และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมระบบ SSC (Sequential Shift Control) ที่ให้ผู้ขับเลือกเปลี่ยนเกียร์เองได้เสมือนการขับขี่แบบเกียร์ธรรมดา และระบบ AAS (Active Adaptive Shift) ที่ช่วยคุมการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับทุกสภาพการขับขี่
สำหรับระบบความปลอดภัยนั้นก็ถือว่ามีให้มากพอและสามารถฟัดกับคู่แข่งได้
- ระบบเบรก ABS และ EBD - ถุงลมนิรภัย 6 จุด
- เฟืองท้าย แบบลิมิเต็ดสลิป LSD
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว DSC
- ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC
- ระบบช่วยการทรงตัวขณะลากจูง TSM
- ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ ROM
- กล้องมองหลัง แสดงภาพทางกระจกมองหลัง
- ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
ราคาค่าตัวของรถนั้น Mazda BT-50 Pro ใหม่มีรุ่นย่อยทั้งหมด 16 รุ่นย่อยด้วยกัน ได้แก่
รุ่น Standard Cab
- STD 2.2 S ราคา 561,000 บาท
- STD 2.5 S Gasoline ราคา 561,000 บาท
รุ่น Freestyle Cab
- FSC 2.2 S ราคา 605,000 บาท
- FSC 2.5 S Gasoline ราคา 605,000 บาท
- FSC 2.2 V ราคา 650,000 บาท
- FSC 2.2 Hi-Racer ราคา 681,000 บาท
- FSC 2.2 Hi-Racer ABS ราคา 734,000 บาท
รุ่น Double Cab
- DBL 2.2 S ราคา 645,000 บาท
- DBL 2.5 S Gasoline ราคา 645,000 บาท
- DBL 2.5 S Gasoline ราคา 645,000 บาท
- DBL 2.2 V ABS ราคา777,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-racer ราคา 773,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-racer ABS ราคา 808,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-Racer AT ABS ราคา 851,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-Racer AT ABS/Leather ราคา 886,000 บาท
- DBL 4x4 3.2 R ABS/DSC/Leather ราคา 989,000 บาท
- DBL 4x4 3.2 R AT ABS/DSC/Leather ราคา 1,016,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-racer ราคา 773,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-racer ABS ราคา 808,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-Racer AT ABS ราคา 851,000 บาท
- DBL 2.2 Hi-Racer AT ABS/Leather ราคา 886,000 บาท
- DBL 4x4 3.2 R ABS/DSC/Leather ราคา 989,000 บาท
- DBL 4x4 3.2 R AT ABS/DSC/Leather ราคา 1,016,000 บาท
สีเมทัลลิก ราคาเพิ่ม 7,000 บาท
สีขาวมุก ราคาเพิ่ม 14,000 บาท (เฉพาะรุ่น)
สีขาวมุก ราคาเพิ่ม 14,000 บาท (เฉพาะรุ่น)
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย