ดีไซน์ของ McLaren 720S ถือว่าพลิกโฉมจาก MP4-12C และ 650S มากพอสมควร อีกทั้งยังมีเส้นสายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพี่ใหญ่อย่าง McLaren P1 ด้วยเช่นกัน และด้วยตัวถังที่สร้างจากคาร์บอนโมโนค็อกนั้นส่งผลให้มีน้ำหนักตัวรถอยู่ราวๆ 1,283 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลวในรถ) ถ้าเติมของเหลวต่างๆในรถจนเต็มนั้นจะมีน้ำหนักขึ้นไปที่ 1,419 กิโลกรัม
ตัวถังรถจะทำจากอะลูมิเนียม มีเส้นสายตัวถังที่ค่อนข้างลู่ลมและพลิ้วไหวเหมือนหยดน้ำ ออกแบบการระบายอากาศของรถใหม่ทำให้ช่วยระบายความร้อนได้ดีมากขึ้นถึง 15% เส้นสายด้านข้างมีโค้งมนที่แอบคล้ายคลึง Pagani Huayra
ภายในห้องโดยสารมากับดีไซน์ที่ค่อนข้างสปอร์ตและดิบเถื่อนแฝงไปด้วยความล้ำสมัย ไฮไลต์คงจะหนีไม่พ้นชุดหน้าปัดแบบใหม่ Folding Driver Display ที่สามารถแสดงผลแบบเต็มหน้าจอหรือจะพับหน้าปัดลงไปแสดงผลแค่ข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น โดยจะแสดงผลข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อลดการเสียสมาธิในการขับรถมากขึ้น
ขุมพลังนั้นจะทำการติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบชาร์จ V8 ถูกออกแบบใหม่ให้มีนเ้ำหนักตัวเครื่องที่เบาขึ้นถึง 41% มากับพละกำลัง 710 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ในเวลา 2.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 341 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Dual-Clutch 7 สปีด
McLaren 720S จะมีการติดตั้งระบบ Variable Drift Control ที่สามารถปรับการควบคุมการทรงตัวได้ด้วยตัวเราเอง เอาไว้ใช้ในเวลาที่เราอยากดริฟท์รถขึ้นมานั่นเอง และยังมีระบบช่วงล่างแบบ Proactive Chassis Control II ที่มีการปรับปรุงใหม่ให้รองรับการเกาะถนนที่ดีขึ้น
McLaren 720S จะเริ่มจำหน่ายและส่งมอบรถราวๆเดือนพฤษภาคมนี้ คาดว่าตัวแทนจำหน่ายในเมืองไทยก็น่าจะมีการนำเข้ารุ่นนี้มาให้เศรษฐีไทยสัมผัสอย่างแน่นอน แต่จะมาตอนไหนก็ต้องรอดูกันต่อไป
ที่มา Carscoops
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย