ดีไซน์ภายนอกไม่ได้มีการปรับอะไรเพิ่มเติม นอกจากการย้ายตำแหน่งไฟเลี้ยวบริเวณกระจกมองข้างใหม่เท่านั้น การเปลี่ยนแปลงจะอยู่ในห้องโดยสาร ซึ่งจะมีการเปลี่ยนชุดมาตรวัดใหม่ และพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ รวมทั้งเปลี่ยนการแสดงรายละเอียดจอ Active Driving Display ให้แสดงผลแบบสีสวยงามขึ้น เหมือนเช่นใน Mazda 2 และ Mazda 3 ปี 2017 ส่วนในรุ่นบนๆนั้นจะมีการเพิ่ม Paddle Shift เข้ามาให้ด้วย นอกนั้นก็ยังคงเหมือนๆเดิม
ขุมพลังก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนอะไร ซึ่งก็จะมี
- เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร SkyActiv-G แบบแถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว มากับพละกำลัง 156 แรงม้าที่ 156 แรงม้าที่ 1,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตัน-เมตรที่ 2,800 รอบ/นาที สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 ได้
- เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร SkyActiv-D เทอร์โบแปรผัน 4 สูบ 16 วาล์ว มากับพละกำลัง 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 270 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,500 รอบ/นาที
ทั้งหมดนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ SKYACTIV-DRIVE อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Active Matic และทั้งหมดเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเท่านั้น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ไม่มีให้เลือก
สำหรับระบบความปลอดภัยนั้น เป็นอีกจุดที่มีการเพิ่มเติมเข้ามาหลายรุ่นด้วยกัน และยังคงจัดเต็มเช่นเดิม โดยมีระบบต่างๆดังนี้ (รุ่นที่ไม่มีตัวหนังสือวงเล็บสีแดงข้างหลังแปลว่าระบบนี้มีทุกรุ่นย่อย)
- เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง (รุ่น 2.0 S ขึ้นไป)
- กล้องมองหลัง (รุ่น 2.0 C ขึ้นไป)
*ใหม่ - ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
- ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
*ใหม่ - ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ SCBS (Smart City Brake Support) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
*ใหม่ - ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
*ใหม่ - ระบบช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
*ใหม่ - ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ SBS (Smart Brake Support) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
*ใหม่ - ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ MRCC (Mazda Radar Cruise Control) (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) (รุ่น 2.0 C ขึ้นไป)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA (Hill Launch Assist)
- ระบบป้องกันล้อล็อก 4W-ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมเกียร์ AAS (Active Adaptive Shift)
- ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Signal System)
*ใหม่ - ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS *ใหม่ - ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control
- ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและม่านถุงลมนิรภัย (รุ่น 2.0 SP และ 1.5 XDL)
Mazda CX-3 MY2017 มีให้เลือกทั้งหมด 7 สีด้วยกัน โดยมีสีใหม่เพิ่มเข้ามาคือ สีน้ำเงิน Eternal Blue ส่วนสีอื่นๆก็จะมีสีแดง Soul Red สีขาว Ceramic White สีขาวมุก Snow Flake White Pearl สีน้ำตาล Titanium Flash สีดำ Jet Black และ สีเทา Meteor Grey
Mazda CX-3 MY2017 ยังคงมีทางเลือก 5 รุ่นเช่นเดิม ได้แก่
- รุ่น 2.0 E ราคา 835,000 บาท (ราคาเดิม)- รุ่น 2.0 C ราคา 910,000 บาท (ราคาเดิม)
- รุ่น 2.0 S ราคา 975,000 บาท (ราคาเดิม)
- รุ่น 2.0 SP ราคา 1,083,000 บาท (ราคาเพิ่ม 38,000 บาท)
- รุ่น 1.5 XDL ราคา 1,193,000 บาท (ราคาเพิ่ม 38,000 บาท)
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย