ดีไซน์ภายนอกมีตามแนวการออกแบบ Keen Look ของ Toyota มีการปรับดีไซน์กระจังหน้าและกันชนหน้าใหม่ให้ดูทันยุคทันสมัยกว่าเดิม ในรุ่น Limited (คันสีน้ำเงิน) จะมาแนวเรียบหรูดูดี ส่วนรุ่น SE (คันสีดำ) จะมาแนวดุดันและสปอร์ต ตะแกรงกันชนหน้าจะดีไซน์คล้ายคลึงกับ Camry 2018
ภายในห้องโดยสารยังคงดีไซน์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง ติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนต์ Entune 3.0 ของ Toyota มาพร้อมกับระบบนำทางและ App Suite Connect เป็นมาตรฐาน สำหรับเกรด LE,SE และ XLE จะมีระบบอินโฟเทนเมนต์ Entune Audio Plus พร้อม Safety Connect และรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi Connect hotspot เต็มอิ่มความบันเทิงจากลำโพงของ JBL สำหรับรุ่นท็อปอย่าง Limited จะมีระบบนำทางแบบ Dynamic Navigation และระบบเตือนจุดหมายปลายทาง Destination Assist มากับลำโพง 9 ตัว พร้อมซับวูฟเฟอร์ขนาด 10.1 นิ้ว ระบบเสียงแบบ Sound Staging และ Clari-Fi Technology
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆก็จะมีช่องเสียบ USB 5 จุดที่เบาะแถว 3 ปรับปรุงระบบความบันเทิงแถวหลังให้รองรับการเชื่อมต่อและสตรีมมิ่งกับระบบ Android ส่วนรุ่นบนอย่าง Limited จะมีกล้องถอยหลังแสดงภาพแบบ Bird’s Eye View และจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ขนาด 4.3 นิ้ว
สำหรับขุมพลังจะใช้เครื่องเบนซินความจุ 3.5 ลิตร V6 พละกำลัง 296 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาทีและ แรงบิดสูงสุด 357 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD
สำหรับระบบความปลอดภัยของรถจะมีการติดตั้งชุดระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense P ที่ประกอบด้วย ระบบ Pre-Collision System (PCS) ซึ่งประกอบด้วยระบบป้องกันการชนพร้อมสัญญาณตรวจจับคนเดินถนน Pre-Collision System (PCS) with Pedestrian Detection, ระบบควบคุมอัตโนมัติแบบ Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) , ระบบเตือนไม่ให้ออกนอกเลน Lane Departure Alert (LDA) พร้อมระบบช่วยเลี้ยว และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB)
ที่มา Paultan
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย