ดีไซน์ภายนอกจะไม่เหมือน Yaris L ที่จำหน่ายในจีนเลยแม้แต่น้อย แต่จะว่าไปแล้ว Toyota Yaris ATIV ก็เหมือนเป็นการนำ Toyota Vios โฉมปัจจุบันมายกเครื่องใหม่แทบทั้งคัน เพื่อสร้างความแตกต่างประดุจเป็นรถโฉมใหม่หมดจด เมื่อเทียบกับ Toyota Yaris Hatchback (5 ประตู) โฉมปัจจุบันถือว่า Yaris ATIV มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดมาก
ภายนอกยังคงใช้แนวการออกแบบ Keen Look เหมือนเดิม สำหรับรุ่น G และ S จะได้ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟ Daytime Running Lights และไฟตัดหมอกหน้า รุ่น S จะมีการตกแต่งไฟหน้า กันชนหน้า และกระจกมองข้างด้วยสีแดงเพิ่มความสปอร์ต Toyota ยังลงทุนปรับเส้นสายด้านข้างที่กรอบประตูและตัวถังใหม่ ล้ออัลลอยจะมีมาให้ตั้งแต่ล้อกระทะขนาด 14 นิ้ว , ล้อกระทะพร้อมฝาครอบขนาด 15 นิ้ว และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วแล้วแต่รุ่นย่อย ด้านท้ายทุกรุ่นจะมากับโคมไฟท้าย LED ทรงใหม่ที่ดูยาวกว่า Vios และสำหรบรุ่นบนๆจะมีเสาอากาศแบบครีบฉลามมาให้ด้วย
Toyota Yaris ATIV จะมีสัดส่วนความยาว 4,425 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,730 มิลลิเมตร และสูง 1,475 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 133 มิลลิเมตร
รุ่นท็อปสุด S จะพิเศษด้วยการหุ้มหนังพร้อมเดินด้ายแดงบริเวณแผงประตู (รุ่นย่อยอื่นจะหุ้มผ้า) มากับชุดมาตรวัดแบบเรืองแสง Optitrion พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ MID 4.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติมีมาให้ตั้งแต่รุ่น E ขึ้นไป ระบบเครื่องเสียงจะเป็น เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM/CD/MP3/WMA DVD หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB/HDMI/Micro SD Card พร้อมระบบเชื่อมต่อด้วย Bluetooth (ส่วนรุ่นอื่นๆยกเว้นรุ่น J ECO จะได้วิทยุเครื่องเล่น CD ธรรมดา รองรับการเชื่อม USB AUX Bluetooth)
ระบบความปลอดภัยคราวนี้ถือว่าจัดมาเต็ม ซึ่งก็จะมีดังนี้
- ระบบเบรก ABS/EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- ถุงลมเสริมความปลอดภัย คู่หน้า/ด้านข้าง
- ถุงลมเสริมความปลอดภัย ม่านด้านข้าง/หัวเข่าฝั่งคนขับ
- สัญญาณกะระยะถอยหลัง (รุ่น E ขึ้นไป)
- กล้องมองหลัง (เฉพาะรุ่น S)
Toyota Yaris ATIV มีให้เลือกทั้งหมด 7 สีด้วยกัน ทุกสีสามารถเลือกได้ในทุกรุ่นย่อย ได้แก่ สีน้ำเงิน Dark Blue Mica Metallic (สีใหม่), สีเทา Grey Metallic , สีเงิน Silver Metallic, สีน้ำตาล Quartz Brown Metallic, สีขาว Super White, สีดำ Attitude Black Mica และสีแดง Red Mica Metallic
มีการจำหน่ายทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ได้แก่
- J ECO ราคา 469,000 บาท
- J ราคา 519,000 บาท
- E ราคา 549,000 บาท
- G ราคา 599,000 บาท
- S ราคา 619,000 บาท
โดยราคาทั้งหมดนี้เป็นราคาพิเศษช่วงเปิดตัวเท่านั้น โดยจะคงราคานี้ไว้จนถึงสิ้นเดือนตุลาคม ซึ่งทาง Toyota ได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,700 คัน/เดือน
ใครอยากสัมผัสคันจริงก็รอชมได้ที่งาน Big Motor Sale 2017 วันที่ 19-27 สิงหาคมนี้ที่ไบเทค บางนา และจะมีกิจกรรมที่โชว์รูม Toyota ในวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย