ภายนอกของรถได้รับการออกแบบให้ดุดันและเกรี้ยวกราดกว่าเวอร์ชั่นธรรมดาสุดๆ โดยได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากรถแข่ง AMG GT3 กระจังหน้าจากเดิมที่เป็นตะแกรงรังผึ้งกลายเป็นลายซี่ลวดแนวตั้ง ออกแบบกันชนหน้าให้ดุดันและสปอร์ตยิ่งขึ้นกว่าเดิม ออกแบบช่องระบายอากาศด้านข้างใหม่ ด้านท้ายมากับสปอยเลอร์ขนาดใหญ่พอประมาณ ดิฟฟิวเซอร์ด้านท้ายที่ออกแบบให้ดุขึ้น ล้อน้ำหนักเบาใหม่ 10 ก้านขนาด 20 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Michelin Sport Cup 2
ภายในห้องโดยสารมีการตกแต่งให้สปอร์ตขึ้นอีกนิด มาพร้อมเบาะนั่ง AMG Sport แบบปรับมือหุ้มด้วยหนัง Nappa เดินด้ายตะเข็บรอบคันด้วยสีเหลือง รวมทั้งสายเข็มขัดนิรภัยสีเหลือง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการตกแต่ง Night Package ให้เลือกเป็นออปชั่นเพิ่มเติมได้ด้วย
Mercedes-AMG GT R มีน้ำหนักที่เบากว่า AMG GT S ราวๆ 90 กก. ซึ่งหมายความว่ามันจะมีน้ำหนักแค่ 1,554 กก เท่านั้น โดยมากับขุมพลัง 4.0 ลิตร V8 ฺBi-Turbo เช่นเดิม แต่ปรับแต่งสมรรถนะให้มีพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 585 แรงม้า PS พร้อมแรงบิด 700 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัตซ์คู่ 7 สปีด ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลา 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ที่ 318 กม./ชม. ซึ่งทำให้เร็วกว่า AMG GT S 5 กม./ชม. และทำอัตราเร่งไวกว่า AMG GT S 0.2 วินาที
รายละเอียดทางด้านวิศวกรรมนั้น Mercedes-Benz ได้ทำการติดตั้งแผ่นคาร์บอนใต้ท้องรถบริเวณในส่วนของเครื่องยนต์ เมื่อขับขี่ใน Race MODE แผ่นคาร์บอนน้ำหนัก 2 กก. จะเลื่อนลงไปประมาณ 40 มม. ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการไหลของอากาศ ผลที่ได้คือน้ำหนักของ Front-Axle Lift จะลดลง 40 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. นอกจากนี้ใน AMG GT R ยังปรับปรุงให้เข้าโค้งในความเร็วสูงดีขึ้น และการบังคับควบคุมทิศทางที่มั่นใจและเหนือกว่า AMG GT S อีกด้วย
นอกจากนี้แล้วทาง Mercedes-AMG ยังมีการปรับแต่งเสียงของรถที่ปล่อยออกมาจากท่อ ให้มีในลักษณะเป็นเสียง "รถแข่งแบบขนานแท้" ซึ่งน่าจะสร้างความประทับใจแก่เจ้าของผู้รักความแรงไม่น้อย
Mercedes-AMG GT R จะเริ่มวางขายในวันที่ 21 พฤศจิกายนของปีนี้ ส่วนตลาดยุโรปจะเริ่มมีขึ้่นในเดือนมีนาคมปีหน้าครับ โดยยังไม่มีการประกาศราคาออกมา
มาร่วมติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเราได้ที่นี่ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย