All-New Mazda 3 ถือเป็นรถลำดับที่ 2 ของ Mazda ที่มากับเทคโนโลยี SkyActiv เต็มคันรถ ถือเป็นการสั่นสะเทือนวงการ C-Segment กันเลยเพราะคันนี้พกพาเทคโนโลยีต่างๆนานาเต็มคันรถ ผู้เขียนกล้าบอกได้เลยว่า มันเป็นซีดานที่ช่วยเหนือกว่า C-Segment แทบทุกคันในเมืองไทย และยังยกระดับรถ C-Segment ของเมืองไทยให้สูงขึ้นไปอีกด้วย
นายโซอิจิ ยูกิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้บอกกล่าวว่า All-New Mazda 3 นับเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งของมาสด้า เพราะได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นรถญี่ปุ่นที่มีคุณภาพเหนือกว่ารถยุโรปชั้นนำหลายรุ่น ประสบความสำเร็จด้านยอดขายและคว้ารางวัลมาแล้วทั่วโลก และยังเป็นรถญี่ปุ่นเพียงรุ่นเดียวที่ติด 1 ใน 3 สำหรับรางวัลรถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก และเข้าชิงรางวัลรถยนต์ที่มีการออกแบบยอดเยี่ยมของโลกอีกด้วย ซึ่งการเปิดตัว All-New Mazda 3 ครั้งนี้ เชื่อมั่นว่าจะต้องประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เนื่องจากคุณภาพที่เหนือกว่าคู่แข่งในทุกๆ ด้าน นับเป็นรถที่มีผู้บริโภครอคอยมากที่สุดรุ่นหนึ่ง และผมยังเชื่อมั่นว่า Mazda3 ใหม่จะเป็นส่วนสำคัญ ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์มาสด้าในประเทศไทย รวมทั้งเป็นกำลังขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับธุรกิจในอนาคตของมาสด้าอีกด้วยครับ
ยูกิยังบอกอีกด้วยว่า ตลาดรถยนต์นั่งขนาดกลางในกลุ่ม C-segment เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตคงที่และเติบโตสูง มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการรถยนต์ที่ตอบสนองได้ทั้งสมรรถนะในการขับขี่ ขนาดห้องโดยสารที่เหมาะสม ประหยัดเชื้อเพลิง และยังสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ขับขี่ด้วย
ตลาด C-Segment ถือเป็นตลาดที่เติบโตสูงอย่างมาก และยอดขายส่วนใหญ่ของแต่ละค่ายจะมาจากขุมพลัง 2.0 ลิตรเป็นหลัก Mazda ได้สร้างความ"กล้า"และ"เด็ดเดี่ยว"ด้วยการนำเครื่องยนต์พิกัด 2.0 ลิตร SkyActiv-G ที่ใหญ่กว่า แรงกว่า มาตีป้อมกับค่ายอื่นๆในตลาด และที่สำคัญ Mazda ยังกล้าพูดว่าเครื่องตัวนี้ "ประหยัดกว่า" เครื่องพิกัด 1.6-1.8 ลิตรทั่วๆไป ฉะนั้นลูกค้าที่ซื้อเจ้านี่ไปจะได้ทั้งความประหยัด ความแรง และได้รถสวยๆในราคาที่รับได้ด้วย
หน้าตาของ Mazda 3 โฉมใหม่ มากับอิทธิพลการออกแบบที่เรียกว่า Kodo Design และยังมากับกระจังหน้า Signature Wing 5 เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์เหมือนที่เราเห็นใน CX-5 มาแล้ว เส้นสายตัวรถมากับเส้นสายที่พลิ้วไหวสวยงาม และโฉบเฉี่ยวตามสไตล์ Mazda อยู่แล้ว ในรุ่น S ขึ้นไป จะมาพร้อมไฟหน้า Bi-Xenon ไฟท้ายแบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่กลางวันแบบ LED Daytime Running Lamp กระจังหน้าสีดำเปียโนพร้อมแถบโครเมียม และยังมากับเสาอากาศแบบครีบฉลามด้วย ที่สำคัญล้ออัลลอยมีให้เลือกใช้ทั้งแบบ 16 นิ้วและ 18 นิ้ว
ภายในนั้นถือเป็นไฮไลต์สำคัญเลย เพราะจัดมาเต็มสุดๆ และยังมีของเล่นเพียบ ไล่ตั้งแต่หน้าจอ Active Driving Display แสดงผลข้อมูลการขับขี่ ที่แสดงผลด้วยจอเปิด-ปิด อัตโนมัติที่จัดวางอยู่ในตำแหน่งเหนือมาตรวัดมาตรฐาน โดยจะแสดงข้อมูลความเร็วรถ ข้อมูลการนำทาง และข้อมูลการขับขี่อื่นๆ ที่สำคัญ สามารถแสดงข้อมูลที่จำเป็นในการขับขี่อย่างง่ายดายและสะดวกปลอดภัย โดยข้อมูลที่แสดงบนจอจะอยู่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่อย่างเป็นธรรมชาติ จอแสดงผลแบบใหม่นี้จะถูกพับเก็บโดยอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (รุ่น C ขึ้นไป) พวงมาลัยและหัวเกียร์ยังหุ้มด้วยหนังและเดินด้ายสีแดง เบาะนั่งด้านหลังปรับพับแบบ 60 : 40 เบาะนั่งด้านคนขับปรับได้ 6 ทิศทางและฟีเจอร์เด็ดๆนั้นจะอยู่ในระบบอินโฟเทนเมนต์ของรถนั่นเองและยังมากับออปชั่นครบครัน ไล่ตั้งแต่หน้าจอสีขนาด 7 นิ้วที่ติดตั้งกลางรถพร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านทาง Bluetooth ระบบจดจำเสียง ระบบนำทางมีให้ในรุ่นท็อปเท่านั้น ทุกรุ่นมีสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ AUX และ ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ช่อง (ตั้งแต่รุ่น C ขึ้นไป) และยังมาพร้อมลำโพง 6 ตัวด้วยกัน (ตั้งแต่รุ่น C ขึ้นไป)
ฟีเจอร์เด็ดของรถรุ่นนี้ก็คือ ระบบเชื่อมต่อโลกออนไลน์ MZD Connect จะเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ (Bluetooth) สามารถอัพเดทโปรแกรมได้อย่างง่ายดายเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้สามารถได้รับบริการเวอร์ชั่นล่าสุด ในส่วนของระบบเครื่องเสียง การรับฟังทางวิทยุ AM/FM CD USB และ AUX ยังเป็นช่องทางที่มีไว้ให้เลือกอย่างครบครัน นอกเหนือจากนั้น สามารถเล่นแอบพลิเคชั่นบนอินเตอร์เน็ทได้นั่นคือ Aha™ โดย HARMAN อีกทั้งระบบยังสามารถอ่านข้อความสั้น SMS ที่ได้รับเป็นภาษาอังกฤษให้ผู้ใช้ได้รับฟังโดยผ่านเทคโนโลยี Text-to-voice ในขณะที่รถเคลื่อนที่และระบบสามารถรับและส่งข้อความสั้น SMS ผ่านการแสดงผลบนหน้าจอระบบสัมผัส การเขียนปรับแต่งข้อความที่จะส่งสามารถทำได้บนหน้าจอ รวมทั้งสามารถเลือกใช้หรือตั้งค่าข้อความหรือวลีที่ใช้บ่อยได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ระบบสั่งงานด้วยเสียงด้วยภาษาอังกฤษสามารถสั่งให้เล่นเพลงซ้ำหรือเลือกเพลงให้แบบสุ่มเลือกหรือแบบ Shuffle รวมถึงการสั่งให้ค้นหาหรือเลือกอัลบั้มเพลง ในขณะที่ระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน ผู้ใช้สามารถเพลินเพลิดกับการเล่น Facebook โดยสามารถเลือกให้ระบบอ่านข้อความภาษาอังกฤษที่ได้รับให้ฟังได้ และสามารถส่งข้อความเสียงผ่านระบบ Shout นอกเหนือจากนั้นผู้ใช้สามารถค้นหาตำแหน่งสถานที่ผ่านอินเตอร์เน็ทเพื่อหาแผนที่นำทาง ระบบนำทางผ่าน SD card เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Mazda3 2.0 SP Sports และเป็นอุปกรณ์เสริมให้เลือกในรุ่นอื่น
ด้านเครื่องยนต์นั้น โดดเด่นกว่าใครๆด้วยเครื่องยนต์เบนซิน SkyAciv-G ขนาดความจุ 2.0 ลิตรตัวเดียวกับที่บรรจุใน CX-5 มากับพละกำลัง 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ SkYACTIV-DRIVE อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมแมนนวลโหมด Activematic และที่สำคัญเครื่องยนต์ตัวนี้ยังสามารถรองรับพลังงานทางเลือกอย่างน้ำมัน E85 ได้ด้วย
ระบบความปลอดภัยต่างๆที่จัดมานับว่าครบครัน ซึ่งฟีเจอร์เด็ดของระบบความปลอดภัยนี้ก็คือ i-Activesense ที่พกพาเทคโนโลยีความปลอดภัยที่กล้าพูดเลยว่าเหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน ด้วยระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดที่สายตาผู้ขับมองไม่เห็น Rear Vehicle Monitoring (RVM) ช่วยเตือนภัยจากวัตถุที่เคลื่อนเข้ามาจากด้านหลังและด้านข้างที่เป็นจุดบอดจากการมองเห็นในขณะขับขี่ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Smart City Brake Support (SCBS) ในขณะขับขี่ที่ความเร็ว 4-30 กม./ชม ป้องกันโอกาสในการชนปะทะ โดยเมื่อชุดเลเซอร์เซนเซอร์ด้านหน้าตรวจจับวัตถุสิ่งกีดขวาง ระบบจะทำการคำนวณความเสี่ยงในการเกิดการชนปะทะ และจะสั่งการไปที่แป้นเบรกให้กดตัวลงในทันทีเพื่อทำการหยุดรถเมื่อผู้ขับขี่มิได้มีการบังคับหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชนปะทะในขณะนั้น นอกจากนี้ก็ยังมีของเล่นทั่วๆไป อันได้แก่ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sports Paddle Shift ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและป้องกันการลื่นไถล TCS ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมเกียร์ AAS ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ม่านถุงลมนิรภัย พวงมาลัยยุบตัวตามการแปรผันของถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ คานเหล็กเสริมนิรภัยกันกระแทกด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
All-New Mazda 3 มีสีให้เลือก 7 สี ได้แก่ สีแดงโซลเรด สีน้ำตาลไททาเนียมแฟลช สีฟ้ากันเมทัลบลู สีเงิน อลูมินัม เมทัลลิก สีดำแบล็กไมก้า สีขาวมุก สโนว์เฟลคไวท์เพิร์ล และสีเทาเมโทรโพลิทัลเกรย์
สำหรับราคานั้นถือเป็นความกล้าของ Mazda ที่เอารถพิกัด 2.0 ลิตร มาตัดออปชั่นจนราคาเหลือราคาเริ่มต้นที่ 8 แสนกว่า มาดูกันเลยครับว่ามีรุ่นใดให้เลือกบ้าง Sedan :
Mazda 3 E Sedan ราคา 833,000 บาท
Mazda 3 C Sedan ราคา 914,000 บาท
Mazda 3 S Sedan ราคา 974,000 บาท
Hatchback :
Mazda 3 E Sports ราคา 833,000 บาท
Mazda 3 C Sports ราคา 914,000 บาท
Mazda 3 S Sports ราคา 974,000 บาท
Mazda 3 SP Sports ราคา 1,094,000 บาท
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าการมาของ All-New Mazda 3 น่าจะเป็นการยกระดับรถระดับซี-เซ็กเมนต์ให้ล้ำเส้นขึ้นไปอีก ด้วยออปชั่นที่จัดมาแบบ Best in class พร้อมเทคโนโลยี SkyActiv เต็มคันรถ ในราคาที่ตั้งมาน่าสนใจอย่างมาก โดย Mazda กล้าตั้งเป้ายอดขายสูงสุดเท่าที่มีมาของ Mazda ก็คือ 13,000 คัน/ปี ซึ่งขอบอกว่า Mazda ทำได้แน่ๆ และการมาครั้งนี้ยังจะสั่นสะเทือนไปถึงบัลลังก์ของ Toyota Corolla Altis รวมไปถึง Honda Civic และ Ford Focus ยังล้วงลึกไปถึงซอกหลึบ Mitsubishi Lancer EX ด้วย ขอบอกว่างานนี้ตลาด C-Segment เดือดแน่ๆ ฟันธง!
แนะนำ ติชม แสดงความคิดเห็น และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ Cars New Update ที่นี่!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย