มาเริ่มกันที่รูปร่างหน้าตารถเป็นอันดับแรกกันเลย หน้าตาของรถนั้นต้องขอบอกว่า เดี๋ยวนี้ทาง Toyota ออกแบบรถได้สวย โฉบเฉี่ยว โดนใจผู้บริโภคเอามากๆ ด้วยสไตล์การออกแบบแนว Keen Look เอกลักษณ์การออกแบบแนวใหม่ที่เราได้เห็นกันไปแล้วกับ Toyota Vios และ Toyota Yaris โฉมล่าสุด และถ่ายทอด DNA มาจนถึงเจ้า Corolla Altis นั่นเอง ประกอบกับความหรูหราทีได้รับจากพี่ใหญ่ Camry ทำให้รถคันนี้มีรูปร่างหน้าตาทั้งสวย ทั้งหรูเลยทีเดียว
ด้านหน้ารถมากับไฟหน้า LED Projector ปรับระดับและเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟหน้า LED Daytime Running (เฉพาะรุ่น 1.8 V Navi และ 1.8 Esport) มือจับประตูแบบ Grip-Type และที่ผู้เขียนเห็นจะชอบก็คือ ไฟท้ายรถแบบ LED Surface illumination ที่ติดมาทุกรุ่น ล้ออัลลอยที่ติดมากับรถนั้นมีให้เลือกตามรุ่น 3 แบบ ได้แก่ ล้อ 15 นิ้ว (รุ่น 1.6J และ รุ่น 1.6J CNG) ล้อ 16 นิ้ว (รุ่น 1.6 E CNG,1.6 G,1.8 E,1.8 G และ 1.8 V Navi) และ ล้อ 17 นิ้วในรุ่น 1.8 ESport
ภายในรถนั้นออกแบบใหม่ถือว่าดูดีกว่าเดิม
อาจจะเชย ไม่ถูกใจใครบ้าง อันนี้ก็แล้วแต่ใครที่มองแล้วกันครับ ในรุ่นท็อปจะมีฟังก์ชันครบครันไล่ตั้งแต่
พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ภายในมีทั้ง Bluetooth,
Paddle Shift,ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry,ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control,ม่านบังแดดหลัง,มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron ฟีเจอร์สำคัญก็คือ
หน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว เล่นได้ทั้ง DVD/CD/MP3/WMA รองรับ
Smart G-Book รองรับการเชื่อมต่อ USB AUX ซึ่งก็ถือว่าจัดมาพอสมควร
แต่ดูเหมือนว่าของพวกนี้จะมีให้ในรุ่นท็อปแทบทั้งหมด นอกนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย
คิดว่า Toyota ควรจะกระจายของเล่นให้ลงไปในรุ่นรองๆหน่อยจะดีมาก
และในรุ่น 1.8 V Navi,1.8 G และรุ่น 1.8 ESport จะติดตั้งแอร์อัตโนมัติมาให้ เรื่องที่เราจะมาคุยก็คือ แอร์อัตโนมัตินั่นเอง ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตก(และอาจเป็นปัญหาไร้สาระ)ของคนที่กำลังจะซื้อ ซึ่งสมาชิกใน Pantip กำลังจวกเรื่อง “ฮีตเตอร์” ในรถ ซึ่ง Toyota ไม่ได้ติดมา แล้วทำไมต้องถกเรื่องนี้กันละ เพราะฮีตเตอร์ในรถนั้นติดมาเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิในรถยนต์ได้ สมมติว่ารถที่มีฮีตเตอร์นั้นมีอุณหภูมิ 20 องศา ต้องการปรับแอร์ไปที่ 25 องศา พอหมุนปุ่มปรับแอร์ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารก็จะ 25 ตามไปด้วย แต่สำหรับ Toyota จะปรับยังไงมันก็ยังมีความเย็นเท่าเดิม ซึ่งการมีฮีตเตอร์ก็ดีอยู่ที่ช่วยลดการเกิดฝ้าในรถยนตือีกด้วย ซึ่งรถระดับเดียวกันแม้แต่รถที่เล็กกว่าหลายรุ่นก็ติดกันมาให้ แต่เราจะได้ฮีตเตอร์จาก Toyota ในรถที่หรูขึ้นระดับ Camry เท่านั้น ซึ่งอันนี้หลายคนบ่นกัน แต่ผู้เขียนชอบแอร์ Toyota เพราะมันเย็น แต่พอมานั่ง Honda กว่าจะเย็นได้ ต้องนั่งรอประมาณ 5-10 นาที เพราะที่บ้านมี 2 ยี่ห้อนี้อยู่ครับ
มาส่องกันที่เครื่องยนต์กันบ้าง เครื่องยนต์ยังคงภักดีกับเครื่องบล็อกเดิมที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ในรุ่น Minor Change ของโฉมก่อน โดยมากับเครื่องยนต์ 2 บล็อก โดยตัดเครื่อง 2.0 ออกไป เนื่องจากว่ารุ่น 2.0 นั้น ขายไม่ออก อีกทั้งยังไปทับกับ Camry ตัวล่าง และอีกอย่างเครื่อง 1.8 ลิตร พละกำลังก็ไม่ได้ต่างจากรุ่น 2.0 มากนัก ดังนั้นจึงเหลือแค่เครื่อง 1.6 และ 1.8 ลิตร โดยเครื่อง 1.6 ลิตร มากับรหัส 1ZR-FE (Bi-Fuel Type 1ZR-FE สำหรับรุ่น CNG) 4 สูบแถวเรียง Dual VVT-I มากับพละกำลัง 122 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตรที่ 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i 7 สปีด ซึ่งนำมาติดตั้งในเครื่อง 1.6 ครั้งแรก ต่อด้วยเครื่อง 1.8 ลิตร 2ZR-FBE 4 สูบแถวเรียง Dual VVT-I ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด สำหรับเครื่อง 1.8 ลิตรนั้น สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 ได้ ระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทในด้านหน้า และแบบทอร์ชั่นบีมในด้านหลัง พร้อมระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ
ระบบความปลอดภัยนั้นถือว่า Toyota จัดมาพอสมควร แต่อาจจะยังสู้ค่ายข้างเคียงไม่ได้ที่ให้กันมาตั้งแต่รุ่นล่างๆแล้ว โดยในทุกรุ่นที่ใช้เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบเบรก ABS EBD และ ระบบเสริมแรงเบรก BA เฉพาะรุ่น ท็อปจะมีระบบควบคุมการทรงตัว VSC+TRC ในขณะที่คู่แข่งมีให้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นแล้ว ในทุกรุ่นจะมีถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้า SRS Airbag บางค่ายก็ติดม่านถุงลมมาให้เพิ่มแล้ว และยังมีเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติหน้า-หลัง ระบบป้องกันการโจรกรรม Immoblizer และระบบสัญญาณการเตือนการโจรกรรม TDS มีให้ครบทุกรุ่นยกเว้น 1.6J และ 1.6J CNG
และในรุ่น 1.8 V Navi,1.8 G และรุ่น 1.8 ESport จะติดตั้งแอร์อัตโนมัติมาให้ เรื่องที่เราจะมาคุยก็คือ แอร์อัตโนมัตินั่นเอง ซึ่งเป็นปัญหาโลกแตก(และอาจเป็นปัญหาไร้สาระ)ของคนที่กำลังจะซื้อ ซึ่งสมาชิกใน Pantip กำลังจวกเรื่อง “ฮีตเตอร์” ในรถ ซึ่ง Toyota ไม่ได้ติดมา แล้วทำไมต้องถกเรื่องนี้กันละ เพราะฮีตเตอร์ในรถนั้นติดมาเพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิในรถยนต์ได้ สมมติว่ารถที่มีฮีตเตอร์นั้นมีอุณหภูมิ 20 องศา ต้องการปรับแอร์ไปที่ 25 องศา พอหมุนปุ่มปรับแอร์ อุณหภูมิภายในห้องโดยสารก็จะ 25 ตามไปด้วย แต่สำหรับ Toyota จะปรับยังไงมันก็ยังมีความเย็นเท่าเดิม ซึ่งการมีฮีตเตอร์ก็ดีอยู่ที่ช่วยลดการเกิดฝ้าในรถยนตือีกด้วย ซึ่งรถระดับเดียวกันแม้แต่รถที่เล็กกว่าหลายรุ่นก็ติดกันมาให้ แต่เราจะได้ฮีตเตอร์จาก Toyota ในรถที่หรูขึ้นระดับ Camry เท่านั้น ซึ่งอันนี้หลายคนบ่นกัน แต่ผู้เขียนชอบแอร์ Toyota เพราะมันเย็น แต่พอมานั่ง Honda กว่าจะเย็นได้ ต้องนั่งรอประมาณ 5-10 นาที เพราะที่บ้านมี 2 ยี่ห้อนี้อยู่ครับ
มาส่องกันที่เครื่องยนต์กันบ้าง เครื่องยนต์ยังคงภักดีกับเครื่องบล็อกเดิมที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ในรุ่น Minor Change ของโฉมก่อน โดยมากับเครื่องยนต์ 2 บล็อก โดยตัดเครื่อง 2.0 ออกไป เนื่องจากว่ารุ่น 2.0 นั้น ขายไม่ออก อีกทั้งยังไปทับกับ Camry ตัวล่าง และอีกอย่างเครื่อง 1.8 ลิตร พละกำลังก็ไม่ได้ต่างจากรุ่น 2.0 มากนัก ดังนั้นจึงเหลือแค่เครื่อง 1.6 และ 1.8 ลิตร โดยเครื่อง 1.6 ลิตร มากับรหัส 1ZR-FE (Bi-Fuel Type 1ZR-FE สำหรับรุ่น CNG) 4 สูบแถวเรียง Dual VVT-I มากับพละกำลัง 122 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 154 นิวตัน-เมตรที่ 5,200 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติแบบ Super CVT-i 7 สปีด ซึ่งนำมาติดตั้งในเครื่อง 1.6 ครั้งแรก ต่อด้วยเครื่อง 1.8 ลิตร 2ZR-FBE 4 สูบแถวเรียง Dual VVT-I ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด สำหรับเครื่อง 1.8 ลิตรนั้น สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 ได้ ระบบช่วงล่างแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทในด้านหน้า และแบบทอร์ชั่นบีมในด้านหลัง พร้อมระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ
ระบบความปลอดภัยนั้นถือว่า Toyota จัดมาพอสมควร แต่อาจจะยังสู้ค่ายข้างเคียงไม่ได้ที่ให้กันมาตั้งแต่รุ่นล่างๆแล้ว โดยในทุกรุ่นที่ใช้เกียร์อัตโนมัติจะมีระบบเบรก ABS EBD และ ระบบเสริมแรงเบรก BA เฉพาะรุ่น ท็อปจะมีระบบควบคุมการทรงตัว VSC+TRC ในขณะที่คู่แข่งมีให้เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นแล้ว ในทุกรุ่นจะมีถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้า SRS Airbag บางค่ายก็ติดม่านถุงลมมาให้เพิ่มแล้ว และยังมีเข็มขัดนิรภัยแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติหน้า-หลัง ระบบป้องกันการโจรกรรม Immoblizer และระบบสัญญาณการเตือนการโจรกรรม TDS มีให้ครบทุกรุ่นยกเว้น 1.6J และ 1.6J CNG
มาดูกันที่ราคากันบ้างครับ ด้านราคานั้นมีการปรับขึ้นในทุกๆรุ่น
เป็นธรรมดาของค่ายนี้ที่มีของใหม่ออกมาทีไร ราคาของเป็นต้องขึ้นตลอด
โดยเฉพาะรุ่นท็อป 1.8V Navi หลังจากที่รุ่นนี้ได้ตัดตัว
2.0 ลิตร ทิ้งออกไป ทำให้รุ่นท็อปอัดของเต็มเหนี่ยว ราคาเลยโดดไปถึงหลักล้านแล้ว
สำหรับราคามีดังต่อไปนี้ครับ รุ่น 1.6J M/T ราคา 769,000 บาท รุ่น 1.6J CNG M/T ราคา 819,000 บาท รุ่น 1.6E CNG A/T ราคา 889,000 บาท รุ่น
1.6G ราคา 829,000 รุ่น 1.8E ราคา
839,000 บาท รุ่น 1.8Esport ราคา 899,000 บาท รุ่น 1.8 G
ราคา 979,000 บาท และรุ่น 1.8 V Navi ราคา
1,069,000 บาท
ผลสรุปในรถเก๋ง Toyota Corolla Altis รุ่นล่าสุดนั้น ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวของใหม่ที่มีรูปร่างสวยงาม โฉบเฉี่ยวแบบ Toyota ยุคใหม่ ซึ่งถือว่าสอบผ่านในเรื่องหน้าตา สำหรับภายในถือว่าออกแบบได้สวยงามเหมือนกัน อุปกรณ์ต่างๆใช้งานง่าย แต่อยากจะติเรื่องแอร์ออโต้ที่ดันตัดฮีตเตอร์ออกไป ซึ่งเป็นตัวทำให้รถควบคุมอุณหภูมิในรถได้ ทำให้แอร์ออโต้ดูเหมือนของไร้ประโยชน์เลย ทางที่ดี Toyota ไม่ควรเอาออกไป เป็นความผิดพลาดที่ Toyota ควรจำไว้ ไม่ใช่แค่ Corolla Altis ครับ ในรถที่ราคาต่ำกว่า 1.2 ล้านบาททุกคันจะไม่มีฮีตเตอร์ติดให้เลย ดังนั้นใครทำงาน Toyota อ่านแล้วเอาไปเล่าให้นายใหญ่แก้ซะ เครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นบล็อกเดิม ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นเครื่องใหม่อยู่ เพิ่งเปลี่ยนเมื่อ 3 ปีก่อนเอง และขอชื่นชม Toyota ที่เอาเกียร์ Super CVT-i 7 สปีด มาใส่ไว้ในทุกๆรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ไม่ต้องใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดของโบราณแล้ว แต่อยากให้ทำเครื่อง 1.6 ลิตร ให้รับ E85 ด้วยจะดีมาก (ไม่ได้มีปัญหามากในเรื่องนี้ แต่อยากให้ 1.6 รองรับด้วย เผื่อราคาจะถูกลงหน่อย) ระบบความปลอดภัยก็อยากให้เพิ่มในทุกๆรุ่น ใส่ระบบ VSC TRC เข้าทุกรุ่นย่อยเลย (รถ B-Segment ค่ายหนึ่งใส่ทุกรุ่นเลยนะ) โดยรวมนั้น Toyota Corolla Altis โฉมใหม่ก็ถือว่าเป็นรถคันหนึ่งที่น่าคบหาครับ
ผลสรุปในรถเก๋ง Toyota Corolla Altis รุ่นล่าสุดนั้น ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวของใหม่ที่มีรูปร่างสวยงาม โฉบเฉี่ยวแบบ Toyota ยุคใหม่ ซึ่งถือว่าสอบผ่านในเรื่องหน้าตา สำหรับภายในถือว่าออกแบบได้สวยงามเหมือนกัน อุปกรณ์ต่างๆใช้งานง่าย แต่อยากจะติเรื่องแอร์ออโต้ที่ดันตัดฮีตเตอร์ออกไป ซึ่งเป็นตัวทำให้รถควบคุมอุณหภูมิในรถได้ ทำให้แอร์ออโต้ดูเหมือนของไร้ประโยชน์เลย ทางที่ดี Toyota ไม่ควรเอาออกไป เป็นความผิดพลาดที่ Toyota ควรจำไว้ ไม่ใช่แค่ Corolla Altis ครับ ในรถที่ราคาต่ำกว่า 1.2 ล้านบาททุกคันจะไม่มีฮีตเตอร์ติดให้เลย ดังนั้นใครทำงาน Toyota อ่านแล้วเอาไปเล่าให้นายใหญ่แก้ซะ เครื่องยนต์นั้นยังคงเป็นบล็อกเดิม ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเป็นเครื่องใหม่อยู่ เพิ่งเปลี่ยนเมื่อ 3 ปีก่อนเอง และขอชื่นชม Toyota ที่เอาเกียร์ Super CVT-i 7 สปีด มาใส่ไว้ในทุกๆรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ไม่ต้องใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดของโบราณแล้ว แต่อยากให้ทำเครื่อง 1.6 ลิตร ให้รับ E85 ด้วยจะดีมาก (ไม่ได้มีปัญหามากในเรื่องนี้ แต่อยากให้ 1.6 รองรับด้วย เผื่อราคาจะถูกลงหน่อย) ระบบความปลอดภัยก็อยากให้เพิ่มในทุกๆรุ่น ใส่ระบบ VSC TRC เข้าทุกรุ่นย่อยเลย (รถ B-Segment ค่ายหนึ่งใส่ทุกรุ่นเลยนะ) โดยรวมนั้น Toyota Corolla Altis โฉมใหม่ก็ถือว่าเป็นรถคันหนึ่งที่น่าคบหาครับ
แนะนำ ติชม แสดงความคิดเห็น และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ Cars New Update ที่นี่!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย