สำหรับค่าย Suzuki ก็เช่นกัน หลังจากที่ได้ทำการเปิดตัวอีโคคาร์ซีดานคันใหม่อย่าง Suzuki Ciaz ที่ก็มีหลายคนในโลกโซเชียลให้ความสนใจกันอยู่ แต่ภายหลังการเปิดตัวนั้นกระแสต่างๆก็เงียบไป ไม่ใช่ว่ารถไม่ดีหรือไม่มีใครสนใจครับ แต่สภาพเศรษฐกิจตอนนี้ ใครๆหลายคนก็คงยังไม่ค่อยสนใจออกรถมากนักเท่าไหร่
แต่อย่างไรก็ตามในตั้งแต่ตอนนี้จนถึงช่วงเปิดตัวก็ทำยอดขายได้มาบ้างแล้ว อย่างเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้น ก็ทำยอดขายได้ราวๆ 500 คันในเวลาไม่ถึงเดือน (ซึ่งถ้ารวมยอดในปัจจุบันกับยอดจองสะสมตอนนี้อาจจะอยู่ที่ประมาณ 1 พันกว่าๆก็ได้) เพียงเท่านี้ก็น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่สวยงามแล้วละครับ สำหรับอีโคคาร์ซีดานคันนี้
ซึ่งถ้าเรามากล่าวถึง Suzuki Ciaz นั้น บอกได้เลยยว่าตอนนี้มันคืออีโคคาร์ซีดานที่ใหญ่ที่สุดในตลาดแล้ว ด้วยขนาดตัวถังที่เทียบเท่ากับ B-Segment ขนาดความจุ 1.5 ลิตรทั้งหลาย และยังมีขนาดที่ไปคาบเกี่ยวกับ C-Segment ด้วย ซึ่งในบางประเทศนั้นก็มีการวางเครื่อง 1.5 และ 1.6 ลิตรขายด้วย แต่ที่เมืองไทยวางเครื่องเล็กเพื่อจะเอาเข้าโครงการอีโคคาร์นั่นเอง นอกจากนี้แล้วมันสามารถที่จะเป็นอีโคคาร์ซีดานที่มีรูปทรงสวยและลงตัวที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้
ถ้าว่ากันด้วยขนาดของรถคันนี้ ต้องบอกเลยว่ามันมีตัวรถที่ใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน ด้วยขนาดความยาวตัวรถที่อีกนิดหน่อยก็จะเข้าใกล้ C-Segment แล้ว แม้แต่ในเมืองจีนก็กำหนดให้รถรุ่นนี้วางเครื่อง 1.6 ลิตรขาย ฉะนั้นผมเลยลองเอา B-Segment 1.5 ลิตรจาก 2 ค่ายใหญ่กับ B-Segment Eco Car Sedan อย่าง Nissan Almera มาลองเทียบสัดส่วนตัวถังดู ซึ่งก็ชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่า เจ้า Ciaz คันนี้มีขนาดตัวถังที่ใหญ่สุดในตลาดกลุ่ม Eco Car Sedan หนำซ้ำยังมีขนาดใหญ่กว่า B-Segment พิกัด 1.5 ลิตรที่ขายในเมืองไทยเสียอีก ซึ่งขนาดตัวถังนั้นจะอยู่ก้ำกึ่งระหว่าง B และ C-Segment กันเลยละครับ
และเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังสงสัยว่า ไอ้ชื่อ Ciaz มันอ่านว่ายังไง สรุปก็คือ มันอ่านว่า "เซียส" นะครับ แรกเริ่มเดิมทีนั้น แต่ก่อนหลายสื่อหลายเจ้าก็พากันอ่านว่า "ซีแอซ" แต่ไปๆมาๆนั้นพอมาเปิดตัวในเมืองไทย ทาง Suzuki ก็ให้อ่านว่า "เซียส" นั่นเอง หลายคนก็คิดต่อว่าทำไมเอาชื่ออะไรแบบนี้มาขาย แต่ทว่า..ถ้าจะเอาชื่อที่จำหน่ายในเมืองจีน ซึ่งใข้ชื่อว่า "Alivio" (อาลิวิโอ้) มันก็จะไปคล้องกับ "Celerio" อีก
อยากจะบอกเลยว่าผมรอคอยการมาของรถคันนี้ตั้งแต่มันเป็นรถต้นแบบ และมีรถออกมาวิ่งทดสอบเมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว และเฝ้าคิดว่าทาง Suzuki เมืองไทยจะเอาเข้ามาขายในรูปแบบไหนกัน ซึ่งผลสุดท้ายก็สรุปออกมาว่า Suzuki วางให้รถคันนี้เป็น "Eco Car Phase 1" และเป็นน่าจะเป็นอีโคคาร์เฟสแรกคันสุดท้ายของโครงการแล้วด้วยครับ ถามหน่อยว่าทำไมไม่ทำเครื่อง 1.5 ลิตรมาขายล่ะ? แน่นอนว่าตลาดกลุ่มนี้ค่อนข้างมีการแข่งขันรุนแรง ถ้าเกิดไปแทรกขึ้นมาแล้วไม่มีอะไรเด่นเท่าเขาก็สู้อะไรไม่ได้ ฉะนั้นแล้วมาตีตั่วเด็กเข้า Eco Car Phase 1 ชูจุดเด่นด้วยความหรูหราและขนาดตัวถังที่ใหญ่กว่าใครน่าจะดีเสียกว่า
เอาละ...มาเริ่มดูรูปร่างหน้าตารถกันเลยดีกว่า และเนื่องจากว่ารูปที่ผมถ่ายตัวรถนั้น มีบางภาพที่ไม่ชัด และผมก็ถ่ายเจ้า Ciaz มาไม่ถึง 20 รูป เลยอาจจะไม่เห็นรูปในหลากหลายมุม ดังนั้นผมอาจจะเอารูปจากที่อื่นๆมาประกอบบทความปนๆกันไปนะครับ
ซึ่งเมื่อดูจากรูปกายภายนอก สามารถบอกได้เลยว่า เจ้า Ciaz คันนี้ค่อนข้างมีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นกว่าใครในกลุ่มคู่แข่งในตลาด ด้วยหน้าตารถที่ออกแบบมาให้ดูหรูหรา เส้นสายดูเรียบร้อยไม่เบื่อตา มีการแต่งแต้มด้วยโครเมียมนิดๆเติมเต็มความหรูเข้าไป บวกกับขนาดที่ใหญ่กว่าคู่แข่ง ก็ทำให้หน้าตาของรถนั้นค่อนข้างโดดเด่นกว่าใครอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นเลย
รุ่น GA จะเป็นกระจังหน้าแบบสีดำ |
เส้นสายด้านข้างของรถนั้นออกแบบให้ดูเรียบง่ายสบายตา แต่ดูดีขึ้นด้วยแถบโครเมียมที่ติดมาให้ในรุ่น GLX ซึ่งก็ดูดีตามสไตล์ค่าย Suzuki เขานั่นหละครับ อีกจุดสังเกตหนึ่งจากด้านข้างก็คือ "มือจับประตูรถ" ซึ่งในรุ่นย่อย GA จะเป็นมือจับประตูสีดำ ในรุ่นย่อย GL จะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ส่วนรุ่นบนสุด GLX จะเป็นมือจับประตูแบบโครเมียม กระจกมองข้างก็เช่นกัน ในรุ่น GA จะได้กระจกมองข้างสีดำ ส่วนในรุ่น GL จะเป็นแบบสีเดียวกับตัวรถ และรุ่น GLX จะเป็นสีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟเลี้ยวบนตัวกระจกมองข้าง
มุมมองด้ายท้ายนั้นเป็นที่กล่าวขานมากที่สุดว่า คล้ายกับรถ B-Segment กลุ่ม 1.5 ลิตรอย่าง Honda City จนมีหลายคนอาจจะคิดเข้าใจผิดว่า Suzuki ไปลอกเลียนแบบแนวการออกแบบท้ายของ Honda City หรือเปล่า ซึ่งถ้าใครคิดเช่นนี้ขอจงเข้าใหม่ว่า อันที่จริงแล้ว Suzuki นั้นออกต้นแบบที่มีชื่อว่า Authentics Concept มาก่อนที่ Honda City โฉมล่าสุดเอาเข้ามาขายในไทยเสียอีกครับ ซึ่งแน่นอนว่าไฟท้ายนั้นก็ค่อนข้างดูดีและกันชนท้ายที่ออกแบบกรอบทับทิมหลังได้สวยงามใช้ได้เลย
นอกจากนี้อีกจุดเด่นคือฝาประโปรงท้ายที่สามารถเปิดได้ด้วยอัตโนมัติเพียงแค่เรากดตรงกุญแจรีโมทของรถ ซึ่งจุดเด่นตรงนี้มีให้ทุกรุ่นเลย
ทางด้านล้อของรถนั้น ในรุ่น GA จะได้ล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว ต่อมาที่รุ่น GL จะได้ล้อกระทะพร้อมฝาครอบลายสวยงามขนาด 15 นิ้ว และในรุ่น GLX จะได้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ซึ่งลายล้อนั้นออกแบบให้เข้ากับตัวรถและเสริมภาพลักษณ์ความหรูของรถได้ดีเลยทีเดียว
เข้ามาดูภายในห้องโดยสารกันบ้าง...ซึ่งแนวการออกแบบห้องโดยสารของ Suzuki นั้นก็ยังคงมาแนวทางเดียวกับรุ่นอื่นๆคือ เรียบง่ายไม่หวือหวา แต่ดูดีและไม่เบื่อตาเลย ซึ่งการประกอบภายในและวัสดุภายในของรถนั้นก็ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานและตามราคาของตัวรถ
ภายในเราจะเห็นพวงมาลัยสหกรณ์ทรงคุ้นตาที่ใช้ตั้งแต่ Swift,Ertiga และ Celerio มองข้ามจุดนี้ไป มาดูตรงมาตรวัดของรถที่ออกแบบสเกลตัวเลขที่ชัด อ่านค่าง่าย รายละเอียดต่างๆบนมาตรวัดนั้นถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน Suzuki เลย
ในรุ่น GLX นั้นจะติดตั้ง Push Start มาให้ ส่วนรุ่นอื่นๆนั้นจะเป็นกุญแจบิดสตาร์ท และสำหรับรุ่น GLX นั้นจะได้ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ส่วนรุ่น GA และ GL จะเป็นระบบปรับอากาศแบบมือหมุนธรรมดา ส่วนระบบเครื่องเสียงนั้นจะเป็นวิทยุ MP3 เล่น CD แบบธรรมดา แต่ความน่าสนใจของมันอยู่ที่การออกแบบในส่วนปุ่มกดวิทยุที่ออกแบบตัววิทยุค่อนข้างดูดีและดูน่าสัมผัส อันนี้ขอชื่นชมเลยว่า Suzuki ใส่ใจการออกแบบเล็กๆน้อยๆตรงนี้ เพราะเชื่อว่าคนไทยยังไงถ้าเห็นของสวยๆน่าใช้ น่าสัมผัส จะต้องชอบแน่นอน
ส่วนพื้นที่นั่งตอนหลังนั้น ด้วยความที่การันตีได้ว่าเป็น Eco Car Sedan ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยแล้วตอนนี้ ก็รับประกันได้ว่าพื้นที่ตอนหลังของ Suzuki Ciaz นั้นก็นั่งสบายเช่นกัน ให้ความรู้สึกความกว้างสบายไม่แพ้ City 2009 และ Altis 2010 ที่บ้านเลยละครับ และสิ่งที่หลายคนคงสงสัยก็คือ ทำไมไม่ติดระบบปรับอากาศตอนหลังมาให้แบบเมืองนอกมาให้ เหตุผลเดียวเลยคือ "ลดต้นทุน" และสำหรับผมก็มองว่าอาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่นัก
ก็จบลงสำหรับการกล่าวถึงภายในห้องโดยสาร ทีนี้มากล่าวถึงขุมพลังบ้าง ซึ่งแม้จะมีตัวถังที่ใหญ่โต แต่ในเมื่อเข้าโครงการอีโคคาร์ ซึ่งก็ทำตามเงื่อนไขด้วยการยกเครื่อง K12B จาก Suzuki Swift มาลงเสียเลย ซึ่งรายละเอียดขุมพลังนั้นจะเป็นเครื่องเบนซิน 1.25 ลิตรแบบเดียวกับ Swift มากับพละกำลัง 91 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตัน-เมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ทั้งหมดนี้ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ เกียร์อัตโนมัติ CVT แล้วแต่รุ่นย่อยที่กำหนดมา
ส่วนระบบความปลอดภัยของรถนั้นก็ถือว่ามีครบแล้วสำหรับรถระดับนี้ ซึ่งก็จะมี
- ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD (ยกเว้นรุ่น GA)
- ระบบช่วยเบรก BA
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS
- กุญแจ Immoblizer
- สัญญาณเตือนภัย Security alarm
สำหรับราคาค่าตัวนั้น ก็จะมีราคาค่าตัวดังต่อไปนี้ครับ
GA 5MT ราคา 484,000 บาท
- รุ่นล่างสุดเลย คุณจะได้ตัวรถธรรมดา ไม่มีไฟตัดหมอก ได้มาแค่ล้อกระทะ ภายในก็ไม่มีวิทยุติดมาให้ เชื่อว่าทาง Suzuki น่าจะทำออกมาเอาใจพวกขาซิ่งที่อยากซื้อรถไปแต่งต่อเพิ่ม คันนี้น่าจะเป็นทางเลือกได้เลย
GL 5MT ราคา 523,000 บาท
- เพิ่มจากรุ่น GA คุณจะได่ฝาครอบล้อเพิ่มเติม กระจังหน้าแบบโครเมียม พร้อมวิทยุ เพิ่ม ABS EBD มาให้จากรุ่น GA รุ่นนี้ดูจะคุ้มราคามากๆสำหรับใครที่อยากสับเกียร์เล่นเอง
GL CVT ราคา 559,000 บาท
- รุ่นนี้น่าจะเพียงพอแล้วกับใครๆหลายคน ราคาสวยใช้ได้ เพิ่มเติมจากรุ่นเกียร์ธรรมดานิดหน่อย
GLX CVT ราคา 625,000 บาท
- และถ้าใครอยากได้รุ่นท็อปสุด อยากได้สิ่งของต่างๆในรถครบถ้วนสุด ก็เลือกรุ่นนี้เลย แต่ด้วยค่าตัวขนาดนี้ ตัวถังขนาดนี้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลครับ
อ้า...และยังมีอีกรุ่น GLS ที่จะเป็นรุ่นท็อปออปเดอะไลน์ ซึ่งคุณจะได้ออปชั่นต่างๆครบในคันนี้เลย จะมีหน้าจอ DVD สัมผัสมาให้ ชุดแต่งรอบคัน และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วติดตั้งมาให้ แต่ทว่าทาง Suzuki ยังไม่เริ่มวางขาย ซึ่งคาดว่าน่าจะขายดูเชิงก่อนสักพัก และรอคอยจังหวะที่เหมาะสมกับการปล่อยของออกมา
สรุปโดยรวมก็คือ...Suzuki Ciaz ถือเป็นการทำการบ้านมาอย่างดีสำหรับค่าย Suzuki ซึ่งโดยรอบคันรถนั้นถือว่ามีความโดดเด่นที่มากกว่าค่ายไหนๆเลยก็ว่าได้ อาจจะมีออปชั่นบางสิ่งบางอย่างที่อาจไม่มีแบบค่ายอื่นบ้าง แต่สำหรับผู้ใช้อย่างเราๆนั้นที่ไม่ได้คาดหวังเรื่องอุปกรณ์ติดรถที่หวือหวาๆ ก็ถือว่าน่าจะรับได้กับรถคันนี้ และด้วยค่าตัวที่สูงกว่า Nissan Almera หลายคนอาจจะคิดว่าแพงเกินตัวหรือไม่ ซึ่งต้องบอกเลยว่า ถ้าได้ไปสัมผัสรถของจริง และดูองค์ประกอบตัวรถหลายๆอย่างแล้ว จะเห็นว่าราคานั้นไม่แพงเกินคุณภาพของรถเลย ซึ่งตัวรถก็ดีแล้ว..ก็มารอดูกันต่อไปว่า เสียงของผู้ใช้จริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง...
อ้า...และยังมีอีกรุ่น GLS ที่จะเป็นรุ่นท็อปออปเดอะไลน์ ซึ่งคุณจะได้ออปชั่นต่างๆครบในคันนี้เลย จะมีหน้าจอ DVD สัมผัสมาให้ ชุดแต่งรอบคัน และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วติดตั้งมาให้ แต่ทว่าทาง Suzuki ยังไม่เริ่มวางขาย ซึ่งคาดว่าน่าจะขายดูเชิงก่อนสักพัก และรอคอยจังหวะที่เหมาะสมกับการปล่อยของออกมา
สรุปโดยรวมก็คือ...Suzuki Ciaz ถือเป็นการทำการบ้านมาอย่างดีสำหรับค่าย Suzuki ซึ่งโดยรอบคันรถนั้นถือว่ามีความโดดเด่นที่มากกว่าค่ายไหนๆเลยก็ว่าได้ อาจจะมีออปชั่นบางสิ่งบางอย่างที่อาจไม่มีแบบค่ายอื่นบ้าง แต่สำหรับผู้ใช้อย่างเราๆนั้นที่ไม่ได้คาดหวังเรื่องอุปกรณ์ติดรถที่หวือหวาๆ ก็ถือว่าน่าจะรับได้กับรถคันนี้ และด้วยค่าตัวที่สูงกว่า Nissan Almera หลายคนอาจจะคิดว่าแพงเกินตัวหรือไม่ ซึ่งต้องบอกเลยว่า ถ้าได้ไปสัมผัสรถของจริง และดูองค์ประกอบตัวรถหลายๆอย่างแล้ว จะเห็นว่าราคานั้นไม่แพงเกินคุณภาพของรถเลย ซึ่งตัวรถก็ดีแล้ว..ก็มารอดูกันต่อไปว่า เสียงของผู้ใช้จริงนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง...
ขอบคุณภาพบางส่วนในเว็บ Motortrivia ด้วยครับ
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย