ซึ่งหลังจากที่ผู้เขียนได้ไปชมภาพยนตร์ Fast & Furious 7 แล้วก็เลยจะมาบอกกล่าวความเห็นและความรู้สึกที่ได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ดีกว่าครับ
ผู้เขียนเลือกดูภาพยนตร์แบบ Soundtrack ซึ่งเพิ่มอรรถรสในการชมมากกว่าการฟังเสียงพากย์ไทย (อันนี้ก็แล้วแต่ความเห็นแต่ละท่านครับ) แน่นอนว่า Fast & Furious ได้มีการพัฒนาเนื้อเรื่องที่ก้าวล้ำจากเดิมมาก จากภาพยนตร์รถซิ่งต้นทุนต่ำธรรมดาๆ กลายเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดระห่ำ ซึ่งดูเหมือนว่าตั้งแต่ภาค 5 เป็นต้นไป กลิ่นอายของภาพยนตร์รถซิ่งเริ่มจางหาย จากที่มีรถบ้านๆเอามาแต่งในเรื่อง กลายเป็นรถที่แรงมาจากโรงงานเลย และกลายเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นอาชญากรรมไปเลย สำหรับบางคนอาจมองว่ามันทำให้ขาดความเป็นหนัง Fast & Furious แต่ไปๆมาๆการเปลี่ยนแปลงสไตล์นี้กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สามารถทำเงินได้อย่างมหาศาล และกลายเป็นหนึ่งในแฟรนไซส์ที่ทำเงินได้มหาศาล ไม่แพ้พวกหนังของ Marvel เลย
ซึ่งฉากเริ่มเรื่องของภาค 7 นี้เราก็จะได้เห็นฉากเปิดตัวของเด็คคาร์ด ชอว์ (พี่ชายโอเว่น ชอว์)ตัวร้ายของเรื่อง ที่เปิดตัวในโรงพยาบาลแบบเท่ๆ จากนั้นเนื้อเรื่องก็จะดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงฉากบ้านโดนระเบิด และดำเนินมาถึงฉากงานศพของฮาน และหลังจากนั้นก็จะเป็นฉากไล่ล่าและฆ่าล้านแค้นกันแทบทั้งเรื่อง
ผู้เขียนดูหนังเรื่องนี้แล้ว กลับให้ชวนนึกถึงภาพยนตร์ Mission Impossible ภาค 4 ที่ไปไล่ล่าเอารหัสปล่อยขีปนาวุธ Fast 7 ก็เช่นกัน ที่จู่ๆทีม Fast & Furious ก็ได้รับเข้าร่วมกับองค์กรของ มิสเตอร์โนบอดี้ และก็ได้รับข้อแลกเปลี่ยนจากองค์กรนี้ให้ไปช่วยเหลือแฮกเกอร์สาวที่ชื่อว่า แรมซีย์ ผู้สร้างโปรแกรมแกะรอยที่เรียกว่า ดวงตาเทพ ซึ่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนเพื่อให้ทางองค์กรช่วยเหลือตามตัว เด็คคาร์ด ชอว์ ได้ ซึ่งจะว่าไปมันก็ดูแหวกแนวจากประเพณีเดิมของ Fast & Furious ซึ่งหลายคนอาจไม่ชอบความแหวกแนว แต่ก็เป็นความสนุกไปอีกแบบ
ตัวละคร ลูคัส แบล็ก ที่มีข่าวว่าจะมาร่วมเล่นในภาค 7 อีกครั้ง เอาเข้าจริงๆ ก็โผล่มาคุยกับ วิน ดีเซล แป๊บๆเท่านั้น ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีผู้เขียนก็คิดว่าจะมาร่วมทีมช่วยเหลือกลุ่มของวิน ดีเซล ด้วย เอาจริงๆกลับไม่ใช่
ส่วนจา พนม ซึ่งแสดงเป็น เกียรติ ที่ทุกท่านอาจคิดว่าโผล่มาไม่กี่ฉาก เอาเข้าจริงๆ เราก็ได้เห็นหน้าพี่จาของเราหลายฉากเหมือนกัน ตั้งแต่ฉากที่จาสู้กับพอลบนรถ ก็เป็นหนึ่งในฉากที่สนุกเลยทีเดียว แต่ที่แอบตลกนิดหน่อยคือ มีบางฉากที่จาพูดภาษาไทยกับลูกทีมบนรถด้วย (ผู้เขียนดูแบบ Soundtrack ครับ) แอบฮาเล็กน้อย และจุดจบของ เกียรติ ก็ค่อนข้างจะพิสดารไปเล็กน้อย
สำหรับตัวละครโรมันและเท้จ ที่ยังเป็นคู่หูคู่ฮาของเรื่อง โดยเฉพาะฉากโดดลงมาจากเครื่องบิน ที่ยังเรียกเสียงหัวเราะให้ผู้ชมอย่างมาก และยังรวมถึงฉากงานเลี้ยงในอาบูดาบีด้วย
ฉากไฮไลต์ของเรื่องฉากหนึ่งก็คือ ฉากขับรถข้ามตึก 3 ตึก ซึ่งนำรถ Lykan Hypersport ซึ่งผลิตแค่ 7 คันในโลกมาเข้าฉาก ทุกท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า มันจะเหลือ 6 คันนะครับ นั่นมันแค่ในภาพยนตร์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว รถคันนี้ถูกสร้างเลียนแบบคันจริงแล้วเอามาเข้าฉาก คงไม่มีใครบ้าบิ่นเอารถราคาแพงมาพังจริงหรอกครับ
และฉากจบที่เรียกว่าเป็นไฮไลต์ที่สุด ซึ่งเป็นฉากที่ทำเอาผู้ชมหลายคน (แม้แต่ผู้เขียน) ได้น้ำตาไหลกันรัวๆ ร้องไห้หนักมาก จะได้เห็นน้ำตาลูกผู้ชายก็ฉากนี้หละครับ ก็คือฉากที่พอลเล่นกับลูกๆริมชายหาด จนมาถึงจุดพีคเมื่อดอมขับ Dodge Charger คันเก่งมาตามถนนจนมาถึงสี่แยก และไบรอันก็ขับ Toyota Supra สีขาวตามมา และมาพร้อมคำคมทิ้งท้ายจากดอมว่า "ไม่ว่านายจะอยู่ไหน จะห่างแค่ 1 ส่วน 4 ไมล์ หรือคนละซีกโลก นายจะอยู่กับฉันเสมอ และเป็นพี่น้องกันตลอดไป" จากนั้นทั้งสองคนก็ขับรถแยกทางกันไปคนละถนน ถือเป็นการจบที่สวยงามของเรื่องและระลึกถึงพอลได้แบบงดงาม
สำหรับผู้เขียนแล้วถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่สนุกเรื่องหนึ่งทีเดียว และยังทิ้งท้ายด้วยฉากที่เรียกน้ำตาลูกผู้ชายได้ ไม่เสียดายเงินค่ารถ ค่าตั๋ว ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เลย และเชื่อว่าหลายคนที่ดูแล้ว ยังอยากไปดูรอบ 2 ด้วยครับ ฉะนั้นแล้ว ใครยังไม่ดูก็ไปซิ่งทิ้งทวนกันที่โรงภาพยนตร์ได้เลย
อยากติดตามข่าวสารรถใหม่ อัพเดตเร็วทันใจ คุยสารพัดเรื่องรถ
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย