และแน่นอนที่สุดว่านอกจากรถใหม่ๆที่มาโชว์ตัวอวดนวัตกรรมแล้ว ยังมีสาวๆพริตตี้ยืนอวดโฉมให้ชายไทยทั้งหลายได้เก็บภาพใส่กล้องถ่ายรูปหรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟนให้หนำใจ จนอาจจะลืมดูรถเลยก็เป็นได้ 555+
ก่อนอื่นจะขอเล่าเรื่องราวการเดินทางของผู้เขียนกันหน่อยนะครับ เราเดินทางมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิช่วงเวลา 10.20 น. ไปขึ้นรถตู้ต่อไปเมืองทองธานี เสียค่าโดยสาร 30 บาท รถตู้วิ่งอย่างรวดเร็วทันใจ มาถึงอิมแพ็คในเวลา 10.50 น. ก่อนงานเริ่มราวๆ 10 นาที ที่เราต้องมากันเร็วก็เพราะรถคันหนึ่งในงานที่ต้องต่อคิวราวกับขึ้นรถเทวดากันเลยทีเดียวละครับ เราก็เดินรอบงานไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไปเกือบ 5 ชม. ในเวลา 4 โมงเย็น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็เดินทางไปจตุจักรขึ้น BTS กลับบ้านทันทีครับ เกริ่นเรื่องตัวเองมาแล้ว มาดูกันครับว่าในงานแสดงรถยนต์สุดยิ่งใหญ่งานนี้ จะมีรถรุ่นไหนมาโชว์ตัวบ้าง เรียงตามตัวอักษรเลยดีกว่า
เริ่มต้นที่ค่าย Aston Martin ที่เอารถสปอร์ตหรูในค่ายมาโชว์แทบจะครบทุกรุ่นทุกคัน แต่ที่เป็นไฮไลต์ของเค้าก็คือ Aston Martin Vanquish Carbon Edition รวมทั้งรุ่น DB9 Carbon Black และยังมีสปอร์ตคันอื่นตั้งแต่ Rapide,V8 Vantage,V12 Vantage
ค่าย BMW มีไฮไลต์เด็ดๆของงานอยู่หลายคันด้วยกัน เริ่มกันก่อนที่รถสุดล้ำอย่าง BMW i3 ที่มากับหน้าตาล้ำโลก และยังมากับระบบส่งกำลังที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากลางลำตัวรถ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ส่งต่อกำลังสู่ล้อคู่หลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 1 จังหวะ ความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 150 กม./ชม. พิสัยเดินทาง 160 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง และเก็บประจุไฟฟ้าผ่านแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ติดตั้งในพื้นตัวถังรถ สนนราคา เห็นว่าอยู่ราวๆ 4,500,000 บาท
ต่อด้วยหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจอย่าง BMW 218i Active Tourer M Sport ซึ่งเป็นรถมินิ MPV สุดหรู ซึ่งเสริมความสวยด้วยชุดแต่ง M Sport รอบคัน มากับเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับ MINI นั่นคือ เครื่องเบนซิน 1.5 ลิตร ทวินเทอร์โบ มากับกำลัง 136 แรงม้า มากับราคา 2,499,000 บาท
และอีกหนึ่งความน่าสนใจที่ไปหลบอยู่ด้านหลังของบูธนั่นคือ BMW X5 eDrive Concept ต้นแบบรถ SUV พลังไฮบริดนั่นเอง
ค่าย Ford นี่หละเป็นค่ายที่อยากจะกล่าวถึง เพราะมันมีความพิเศษของมันก็คือไฮไลต์เด็ดของงานเขานั่นคือ Ford Everest โฉมใหม่ ที่เอาคันสีแดงแจ๊ดมาอวดโฉมอย่างสง่าบนเวที เราก็สามารถเข้าไปนั่งได้ครับ แต่....ท่านต้องต่อคิวเข้าแถวเพื่อขึ้นไปดูรถบนเวที คราวละ 10 คน ต่อ 10 นาที นั่นเป็นสาเหตุที่ผู้เขียนต้องรีบไปตั้งแต่งานกำลังเริ่ม เพราะจะไ้ม่ต่อคิวยาวมาก แม้ว่าจะดูเป็นการตลาดที่ดูไม่เข้าท่าเท่าไหร่ แต่เป็นวิธีเรียกความสนใจจากลูกค้าได้มากทีเดียว เหมือนกับร้านอาหารที่มีคนต่อคิวเยอะๆแปลว่าต้องเป็นของอร่อยแน่นอน และด้วยค่าตัวที่สมเหตุสมผลกับตัวรถที่ให้ของเล่นมามาก อาทิเช่น ประตูท้ายปิดด้วยระบบไฟฟ้า เบาะแถว 3 ปรับพับอัตโนมัติ หลังคาพานอรามิกรูฟ ทำให้คว้ายอดจองภายในงานได้มากทีเดียว จนต้องรีบจองกันเลยทีเดียวครับ เพราะคิวส่งรถยาวไปถึงปลายปีนี้แล้วและน่าจะถึงปีหน้าแล้วด้วยมั้ง อีกทั้งแต่ละดีลเลอร์ยังได้โควตาขายศูนย์ละ 10 กว่าคันเท่านั้น
และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ Ford Ranger Minor Change ใหม่ที่ยกหน้าใหม่ครั้งใหญ่ แต่เอามาโชว์เฉยๆครับ เพราะนี่เป็นแค่การเปิดเผยตัวครั้งแรกในโลกเฉยๆ เอามาเรียกน้ำย่อยกันก่อน และยังไม่มีสเปกหรือราคามาให้ชมกัน ฉะนั้นแล้วในบูธก็ยังมีรุ่นเก่าจอดโชว์อยู่นั่นเอง นอกจากนี้ก็นำรถรุ่นอื่นๆมาจัดแสดงครบถ้วน
ค่าย Hyundai ก็ไม่มีรถรุ่นใหม่ๆมาแสดงในงาน ยังคงเป็นรถรุ่นเดิมๆหน้าเดิมๆมาจัดแสดง
ค่าย Honda ปีนี้ไม่มีของใหม่มานำเสนอในงาน ยังคงมีพระเอกชูโรงอย่าง Honda HR-V ช่วยเป็นตัวเก็บยอดขาย และมี Honda Accord ที่ปรับออปชั่นในตัวล่างนิดหน่อย ด้วยการเพิ่มจอสัมผัสแบบ Advance Touch และขึ้นราคาเป็น 1,319,000 บาท แม้จะไม่มีรถใหม่แต่คนก็ยังแน่นบูธตามประสาค่ายใหญ่
ค่าย Isuzu ปีนี้ก็มีอะไรไม่มาก มีเพียงแค่รถที่เอามาปรุงแต่งอย่าง Isuzu MU-X The Limited ที่เติมแต่งภายนอกและภายในนิดหน่อย และอัพราคาขึ้นเท่านั้น นอกนั้นก็เป็นการนำ D-Max มาตกแต่งเพิ่มความหล่อ โดยเฉพาะคันสีเขียวสะท้อนแสงเนี่ย แสบสะท้านทรวงมาก
ค่าย Jaguar/Land Rover ก็ไม่มีอะไรใหม่ๆ ยังคงมีรถหน้าเดิมๆขาย แต่อย่างไรก็ตาม Jaguar F-Type สีแดงสด กับ Ranger Rover Evoque คันสีส้มยังคงเรียกความสนใจได้ดีทีเดียวเลยละครับ
ค่าย Mazda ปีนี้ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ดีๆให้กับผู้บริโภคกันอย่างสม่ำเสมอ หลังจากต้นปีเปิดตัว Mazda 2 SkyActiv-D เครื่องดีเซลไปแล้ว คราวนี้ Mazda เลยส่งไม้ต่อให้กับ Mazda 2 SkyActiv-G เครื่องเบนซิน 1.3 ลิตรที่มากับราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับออปชั่นที่ติดตั้งมา มากับเครื่องยนต์เบนซิน SkyActiv-G 1.3 ลิตร พละกำลัง 93 แรงม้าที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที มากับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่น่าจะอยู่ราวๆ 23.25 กม./ลิตร ซึ่งประหยัดเข้าเงื่อนไขอีโคคาร์ เฟส 2 เป็นที่เรียบร้อยครับ อีกเรื่องคือ ระบบเบรกดิสก์เบรก 4 ล้อจะไม่มี แต่จะแทนที่ด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรกแทน และเครื่องตัวนี้รองรับถึงแค่ E20 เท่านั้นครับ ค่าตัวอยู่ที่ 550,000-665,000 บาท
และยังมี Mazda 3 Racing Series รุ่นพิเศษ ภาย นอกเพิ่มเติมสเกิร์ตรอบคันสี Brilliant Black ตกแต่งคาดลายสติกเกอร์ลายพิเศษ Racing Series รอบคัน ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายเดิมแต่พ่นสีพิเศษ Gun Metallic เพิ่มความดุดัน รวมทั้งเพิ่มกระจกมองข้างสีดำและสปอยเลอร์ท้ายสีดำ พร้อมท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต (รุ่นแฮตซ์แบ็ค) ภายในห้องโดยสารได้ตกแต่งเพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยการแต่งเติมคอนโซลหน้าสีดำ Piano Black พร้อมโลโก้ Racing Series เบาะนั่งดีไซน์ใหม่แต่งด้วยสีดำสลับแดงและเย็บด้ายแดง พร้อมโลโก้ Racing Series ตรงพนักพิงศีรษะ มี 2 ทางเลือกคือ ถ้าใครจะเอาสีขาวมุกก็ราคา 968,000 บาท หรือถ้าอยากได้สีแดงสดๆ ก็ 973,000 บาทครับ ราคาเท่ากันทั้งสองตัวถัง
และอีกค่ายที่มีรถใหม่เปิดตัวมากมายกันแบบสุดๆ และเรียกกระแสจากมวลชนได้มากมายทีเดียว นั่นก็คือค่าย Mercedes-Benz ที่มีรถรุ่นใหม่มาโชว์ตัว 3 รุ่นด้วย เริ่มต้นที่พระเอกของค่ายเลย Mercedes-Benz AMG GT S รถสปอร์ตสุดเท่ ซึ่งมันจะมากับขุมพลัง 4.0 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ พละกำลัง 510 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 Nm 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที ท็อปสปีดทำได้ 310 กม./ชม. มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 14,900,000 บาทครับ
ตามด้วยอีกคันหนึ่งที่สวยงามหยดย้อยไม่แพ้กันนั่นคือ Mercedes-Benz GLE 450 Coupe AMG Sport รถอเนกประสงค์สไตล์คูเป้สุดหล่อซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ BMW X6 ซึ่งมากับหน้าตาที่ดูหล่อเหลาและเท่สุดๆ และความโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ตรอบคันรถ มากับเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร V6 พกพาพละกำลัง 367 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตัน-เมตร ค่าตัวในเมืองไทยอยู่ที่ 7,990,000 บาทครับ
แล้วก็อีกคันคือ Mercedes-Benz V-Class รถตู้สุดหรูคันใหม่ที่มากับความหรูหราเหนือระดับเสียยิ่งกว่าเก่า ซึ่งมันจะมาในไทยด้วยรุ่น V250 Bluetec ที่จะมากับเครื่องยนต์ดีเซล 2.1 ลิตร มากับพละกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตัน-เมตร โดยจะมากับค่าตัว 5,490,000 บาทครับ นอกจากนั้นแล้วก็จะมีรุ่นอื่นๆมาโชว์ตัวครบ
ทางค่าย MG ก็มีของใหม่มานำเสนอนั่นคือรถเล็ก MG3 ใหม่ ม กับขุมพลังขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด SeleMatic พร้อมระบบปรับโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต และแบบแมนวล เปลี่ยนเกียร์เองได้ และที่สำคัญรองรับน้ำมัน E85 ได้ด้วยครับ แม้จะเป็น B-Segment คู่แข่ง Honda Jazz หรือ Mazda 2 แต่ทำราคาที่ถูกจนอีโคคาร์บางค่ายต้องคารวะกับค่าตัว 479,000-595,000 บาท
ทางด้านค่ายสามเพชร Mitsubishi ปีนี้นำเข้ารถมินิแวนที่หน้าตาเหมือนรถถังเข้ามาขาย มันมีนามว่า Mitsubishi Delica Space Wagon มาเอาใจกลุ่มตลาดครอบครัว ซึ่งมันจะมากับออปชั่นมากมายหลายอย่าง ราคาค่าตัวก็จะอยู่ราวๆ 1,780,000-1,795,000 บาทโดยประมาณครับ และก็มี Mitsubishi Attrage MY2015 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยมากับกระจังหน้ารมดำ ล้ออัลลอยรมดำและสีเทาสีใหม่ นอกจากนี้ก็มี Mitsubishi Triton มาโชว์ตัวครบทุกตัวถัง และรุ่นอื่นๆอีกหลายรุ่นครับ
ค่าย MINI ปีนี้นำเอาต้นแบบ MINI Clubman Concept ที่เผยให้เห็นว่า Clubman โฉมใหม่จะมากับประตูคู่หลังที่เพิ่มเข้ามา แล้วเปลี่ยนฝาท้ายเป็นประตูแบบตู้กับข้าวด้วย และยังมี MINI Cooper ที่แต่งเป็นรุ่นพิเศษสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ
ค่าย Rolls-Royce ที่ยังคงเป็นอีกครั้งที่เอารถที่แพงที่สุดในงานมาโชว์ตัวนั่นก็คือ Rolls-Royce Phantom Drophead Coupe WaterSpeed Collection ที่เป็นรุ่นพิเศษผลิตแค่ 35 คันในโลกเท่านั้น และมันมาถึงเมืองไทยแล้ว ราคานั้นคงต้องทำให้เศรษฐีในงานตาค้างกันเลยทีเดียวเพราะมากับค่าตัว 59 ล้านบาทครับ
ค่าย Subaru ก็พร้อมขาย All-New Subaru Outback อย่างเป็นทางการแล้ว ด้วยขุมพลัง ติดตั้งเครื่องยนต์สูบนอน Boxer แบบ 4 สูบ FB Series ความจุ 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 175 แรงม้า ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร Symmetrical All-Wheel Drive มาพร้อมระบบ X-MODE ควบคุมการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อน โดยชุดเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานของระบบขับเคลื่อน AWD โดยเฉพาะ มากับค่าตัว 2,590,000 บาท
ค่าย Suzuki ใจดีเอาว่าที่อีโคคาร์ซีดานรุ่นใหม่ Ciaz (เซียส) ที่การันตีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดกลุ่มอีโคคาร์ซีดาน ที่แม้แต่ Vios City ยังต้องคารวะ ค่ายนี้ใจดีเอามาจอดโชว์ให้ดูหลายคันและให้เราได้สัมผัสกันแบบเต็มๆ ก่อนขายจริงช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน ตัวท็อปจะมากับไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ชุดแต่งรอบคัน หน้าจอสัมผัสพร้อมเนวิเกเตอร์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ภายในสีดำ และยังมาพร้อมกับเบาะหนังด้วย ส่วนแอร์หลังนั้นยังไม่มีข้อมูลว่าจะมาหรือไม่ ส่วนใครที่หวังเรื่องครูซคอนโทรล บอกเลยว่าไม่มีครับ เครื่องยนต์จะเป็นขุมพลังเดียวกับ Swift ก็คือ 1.25 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ค่าตัวนั้นได้ยินมาว่าจะอยู่ราวๆ 5 แสน-6.8 แสนครับ
ค่ายที่ดัดแปลงรถอย่าง Thairung ก็นำเอา Thairung Transformer Max ที่มีจุดเด่นด้วยการที่มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างกว่าใคร และ เป็นรถตรวจการณ์รุ่นเดียว ที่รองรับผู้โดยสารได้ถึง 11 ที่นั่งกันเลยทีเดียว อันเนื่องมาจากการออกแบบหลังคาทรงสูง และยังรับรองรับผู้โดยสารที่มีความสูงถึง 175 ซม. ได้ทุกที่นั่ง สามารถปรับรูปแบบที่นั่งโดยสารได้หลากหลาย มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีตัวถังที่ยกสูง สามารถลุยน้ำได้ไม่น้อยกว่า 50 ซม.
มาถึงค่ายเจ้าตลาด Toyota ที่งานนี้พี่แกนำรถต้นแบบพลังงานไฮโดรเจนอย่าง Toyota Mirai (มิไร) มาให้คนไทยได้ดูนวัตกรรมความล้ำสมัย แต่ยังไม่มีขายในไทยครับ และใครที่ถามหา Hilux ตัวใหม่ ก็ยังคงไร้เงา อย่างไรก็ตาม Toyota ก็มีของใหม่ให้คนไทยชมหลายรุ่น ที่เป็นจุดสนใจมากก็คือ Toyota Alphard/Vellfire รถตู้สุดหรูของค่ายที่มากับความหรูหราฟรุ้งฟริ้งสุดๆ ให้เป็นเจ้าของได้ในราคา 3,399,000-4,649,000 บาท
อีกคันที่เพิ่งเปิดตัวก็คือ Toyota Camry Minor Change ที่ไม่ใช่เป็นแค่เพียงการปรับรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน แต่ Toyota ได้ใส่ออปชั่นใหม่ๆมาแบบเต็มๆมาสู้คู่แข่งมากมายจนทำให้หลายค่ายจุกทีเดียว ไฮไลต์สำคัญคือในรุ่น 2.0 ลิตร ใหม่รหัส 6AR-FSE VVT-iW แบบฉีดตรง D-4S ให้พละกำลังสูงสุด 167 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 199 นิวตัน-เมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบความปลอดภัยมากมาย มาในราคา 1.319 ล้าน-1.899 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วย Toyota Corolla Altis Esport Nurburgring Edition ซึ่งหน้าตาของรถได้รับการออกแบบให้แตกต่างจากตัว Esport ธรรมดาด้วยการเปลี่ยนสเกิร์ตกันชนหน้าใหม่ให้ดูหล่อ เท่ ดิบกว่าเดิม แต่งเติมกาบด้านข้างเล็กๆน้อยบริเวณประตูรถ และสปอยเลอร์ท้ายแบบใหม่ที่ดุดันกว่าเดิม โลโก้ Nurburgring ข้างตัวรถ โดยยังคงล้ออัลลอยลายสปอร์ตขนาด 17 นิ้วที่ลายสวยอยู่แล้วไว้ ภายในห้องโดยสารได้รับการตกแต่งใหม่ เบาะหนังคู่หน้าแบบ Bucket Seat ปั๊มโลโก้ ESPORT และ ด้ายแดง วัสดุตกแต่งแผงคอนโซลหน้าแบบ Piano Black พร้อมแถบสีแดง และบุด้วยวัสดุแบบนุ่ม วัสดุตกแต่งแผงประตูสีแดงและพรมปูพื้นรถตัดขอบแดง ติดตั้งออปชั่นจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วรองรับการเชื่อมต่อ Smart G-Book ราคาอยู่ที่ 949,000-959,000 บาทครับ
ค่าย Volvo ก็ไม่ค่อยมีอะไรสนใจมากนัก มีแค่ Volvo V60 T5 Special Edition ซึ่งเจ้ารถตรวจการณ์คันนี้จะใส่เครื่องยนต์ใหม่ขั้นเทพ ด้วยขุมพลัง 2.0 ลิตร 4 สูบที่ปล่อยพละกำลังถึง 220 แรงม้ากันเลยทีเดียว ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด
ปิดท้ายที่ค่าย Volkswagen ที่ปีนี้ยังคงไร้เงา Golf MK7 และ Bettle ใหม่ที่เขาขายกันตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้ว แต่ที่น่าสนใจคือ Volkswagen Amarok กระบะสุดแกร่งที่นำกลับมาโชว์ตัวอีกครั้ง ให้เป็นเจ้าของได้ในราคา 1,980,000 บาท
นอกจากนี้ก็มีไฮไลต์อื่นๆมาโชว์ตัวอีกเพียบ เช่น Porsche 919 Hybrid รถแข่งสุดเท่ส่งตรงจากเยอรมัน หรือจะเป็น Lamborghini Huracan และ Aventador รถตู้หรู Mercedes-Benz Airsteam และอีกมากมายหลายรุ่นหลายค่ายหลายสำนักที่รอให้ท่านผู้อ่านได้ไปสัมผัสกัน ทั้งหมดนี้จะจบลงในวันที่ 5 เมษายน แนะนำให้คนรักยานยนต์ทั้งหลาย ได้ไปชมกัน ไม่งั้นจะเสียใจและรออีกนาน เพราะงานดีๆแบบนี้ นานๆทีจะมีครับ
อยากติดตามข่าวสารรถใหม่ อัพเดตเร็วทันใจ คุยสารพัดเรื่องรถ
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย