สาเหตุของการปรับภาษีกันใหม่นั้น มีเหตุผลมาจากผลพวงของโครงการรถคันแรกเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งแน่นอนละครับว่าใครๆก็อยากได้เงิน ถึงกับแห่กันไปจองรถกันเป็นแถว ก็ถือว่าโครงการนี้เปรี้ยงปร้างสุดๆ (แต่ทว่าก็มีผลพวงบางอย่างตามมา) ฝ่ายที่นั่งคอตกก็คือ กรมสรรพสามิต เพราะรายได้จากภาษีรถยนต์ใหม่ที่เข้าโครงการรถคันแรกที่หดหายมากเลยทีเดียว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ของกรมฯเองก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อรองรับเหล่ามวลชนที่มายื่นเรื่องคืนภาษีอีกด้วยครับ
ภาพจาก TGO |
เอาละครับ มาดูกันเลยครับว่าจะมีรถแบบไหน ประเภทไหนที่แพงขึ้นหรือถูกลงบ้าง มาดูกันเลยครับ..
1. รถกระบะ / กระบะดัดแปลง
- รถกระบะที่ไม่มีแค็บ เดิมจะจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 3%
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราเดิม 3%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 5%
- รถกระบะแค็บเปิดได้ เดิมจะจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 3%
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 5%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 7%
- รถกระบะ 4 ประตู เดิมจะจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 12%
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราเดิม 12%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 15%
- รถกระบะดัดแปลง PPV เดิมจะจัดเก็บภาษีอยู่ที่ 20%
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 25%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 30%
ความจุมากกว่า 3250 CC. เก็บภาษีอัตรา 50%
2. รถยนต์นั่ง เครื่องยนต์ความจุไม่เกิน 3000 CC. (รถ SUV หรือ รถโดยสารไม่เกิน 10 คน)
ใช้เชื้อเพลิง E10 - เดิมจะจัดเก็บภาษี 30% (เครื่องต่ำกว่า 2000 CC.) จัดเก็บภาษี 35% (เครื่อง 2001-2500 CC.) และ จัดเก็บภาษี 40% (เครื่อง 2501-3000 CC.)
ใช้เชื้อเพลิง E20 - เดิมจะจัดเก็บภาษี 25% (เครื่องต่ำกว่า 2000 CC.) จัดเก็บภาษี 30% (เครื่อง 2001-2500 CC.) และ จัดเก็บภาษี 35% (เครื่อง 2501-3000 CC.)
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 30%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 150-200 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 35%
ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. (เดิมจัดเก็บ 30%) จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 40%
* ถ้ารถรองรับเชื้อเพลิง E85 หรือรถที่ติดตั้งก๊าซธรรมชาติ
เดิมจะจัดเก็บภาษี 22% (เครื่องต่ำกว่า 2000 CC.) จัดเก็บภาษี 27% (เครื่อง 2001-2500 CC.) และ
จัดเก็บภาษี 32% (เครื่อง 2501-3000 CC.)
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 25%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 150-200 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 30%
ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. (เดิมจัดเก็บ 30%) จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 35%
ส่วนรถที่มีเครื่องยนต์ความจุเกิน 3000 CC. จัดเก็บภาษี 50%
3. รถพลังงานไฮบริด เดิมจะจัดเก็บภาษี 10%
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 100 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราเดิม 10%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ระหว่าง 100-150 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 20%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ระหว่าง 150-200 กรัม จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 25%
ปล่อย CO2 เกิน 200 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 30%
4. รถอีโคคาร์ (ทั้งเฟส 1 และเฟส 2) เดิมจะจัดเก็บภาษี 17%
ภาษีใหม่ ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม. และรองรับเชื้อเพลิง E85 จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 12%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม. จะเก็บภาษีอัตราใหม่ 14%
ถ้าปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 100 กรัม/กม.จะเก็บภาษีอัตราเดิม 17%
สรุปภาษีสรรสามิตใหม่ปี
2559
|
||
ประเภทของรถ
|
อัตราภาษีปัจจุบัน
|
อัตราภาษีใหม่
ปี 2559
|
รถกระบะ
|
||
- ไม่มีแค็บ
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม.
|
3 %
|
3 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม/กม.
|
3 %
|
5 %
|
- ตอนครึ่ง
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม.
|
3 %
|
5 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม/กม.
|
3 %
|
7 %
|
- 4 ประตู
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม.
|
12 %
|
12 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม/กม.
|
12
%
|
15 %
|
รถ PPV
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 200 กรัม/กม
|
20
%
|
25 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม
|
20
%
|
30 %
|
ความจุมากกว่า 3250 CC.
|
50 %
|
50 %
|
รถยนต์นั่ง เก๋ง SUV
รถไม่เกิน 10 ที่นั่ง
|
||
- เครื่องยนต์ไม่เกิน 3000 CC.
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/กม.
|
เชื้อเพลิง E10 = 30% / 35% / 40% ตามขนาดเครื่องยนต์
เชื้อเพลิง E20 = 25% / 30% / 35% ตามขนาดเครื่องยนต์
|
30 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 150-200 กรัม/กม.
|
เชื้อเพลิง E10 = 30% / 35% / 40% ตามขนาดเครื่องยนต์
เชื้อเพลิง E20 = 25% / 30% / 35% ตามขนาดเครื่องยนต์
|
35 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม/กม.
|
เชื้อเพลิง E10 = 30% / 35% / 40% ตามขนาดเครื่องยนต์
เชื้อเพลิง E20 = 25% / 30% / 35% ตามขนาดเครื่องยนต์
|
40 %
|
- และรองรับ E85 หรือ ติดก๊าซธรรมชาติ
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 150 กรัม/กม.
|
22% / 27% / 32%
ตามขนาดเครื่องยนต์ |
25
%
|
ปล่อยก๊าซ CO2 อยู่ที่ 150-200 กรัม/กม.
|
22% / 27% / 32%
ตามขนาดเครื่องยนต์ |
30 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม/กม.
|
22% / 27% / 32%
ตามขนาดเครื่องยนต์ |
35 %
|
รถยนต์นั่งความจุเกิน 3000 CC.
|
50 % |
50
%
|
รถพลังงานไฮบริด
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ต่ำกว่า 100 กรัม/กม.
|
10 %
|
10 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 ระหว่าง 100-150 กรัม
|
10
%
|
20 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 ระหว่าง 150-200 กรัม
|
10
%
|
25 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 200 กรัม/กม.
|
10
%
|
30 %
|
รถอีโคคาร์ เฟส 1 และ เฟส 2
|
||
ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม. และรองรับเชื้อเพลิง E85
|
17 %
|
12 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100 กรัม/กม.
|
17
%
|
14 %
|
ปล่อยก๊าซ CO2 เกิน 100 กรัม/กม
|
17
%
|
17
%
|
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลภาษีสรรพสามิตใหม่ที่จะบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 แน่นอนว่า หลายค่ายก็ต้องรีบเปิดตัวรถของตน กอบโกยยอดขาย ก่อนที่ภาษีใหม่จะใช้ และจะทำให้รถบางรุ่นมีราคาที่แพงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มรถ PPV ที่ราคาเพิ่มอย่างแน่นอน ส่วนในรถประเภทอื่นๆถ้าสามารถจำกัดอัตราการปล่อยไอเสียตามเกณฑ์ได้ ก็จะไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม ในทางกลับกันรถประเภท Eco Car จะมีราคาที่ถูกลงครับ ฉะนั้นแล้ว รถที่จะออกใหม่ปีหน้าก็ต้องทำตามเกณฑ์ของภาษีสรรสามิตใหม่ มิฉะนั้นราคาจะแพงขึ้นแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก KMOTORS
มาร่วมพูดคุยกันสนุกๆเรื่องรถยนต์ประดุจเพื่อนข้างกาย
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
พร้อมเกาะติดข่าวการเปิดตัวรถใหม่กันแบบฉับไว
กดไลค์แฟนเพจของ Cars New Update ด้านล่างได้เลยครับ!!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย