Honda CR-V ถือกำเนิดครั้งแรกในปี 1996 และพี่ไทยของเราก็นำเข้ามาขายในปีเดียวกัน แต่เมืองไทยเราเพิ่งจะผลิตขายให้กับบ้านเราและต่างประเทศในปี 1999 ในตอนไมเนอร์เชนจ์พอดี และแน่นอนอเนกประสงค์คันนี้ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างมาก และได้รับความนิยมมาโดยตลอดมาจนถึงทุกวันนี้
มาพูดถึงโฉมปัจจุบันดีกว่า ซึ่งเป็นโฉมที่ 4 แล้ว แรกเริ่มเดิมที Honda จะเปิดตัว CR-V โฉมใหม่ในบ้านเราในปี 2011 แต่ด้วยเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ทำให้โรงงาน Honda ต้องหยุดผลิตรถ และกว่าจะฟื้นตัวได้ต้องใช้เวลา 6 เดือนเต็มๆกันเลยทีเดียวครับ ทำให้แผนการเปิดตัวรถใหม่ต้องเลื่อน ส่งผลให้ CR-V เปิดตัวในเดือน ก.ย. 2012 ถือว่า Late จากกำหนดการเดิมเอามากๆครับ น่าสงสาร Honda ตอนนั้นมากๆขอบอก
หน้าตาของโฉมปัจจุบันได้รับการออกแบบให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวงดงามยิ่งขึ้นกว่าเดิมมากมาย แม้เส้นสายตัวรถยังคงไว้ซึ่งสไตล์เดิมๆ แต่ในส่วนด้านหลังรถมีการปรับเส้นสายเล็กน้อย ในส่วนฝาท้ายมีการปรับให้ทันสมัยและลงตัวมากขึ้น กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาให้ดูหล่อ สอบรับกับกันชนหน้าทรงโฉบเฉี่ยว และติดตั้งการ์ดกันกระแทกด้านข้างสีดำเข้าไป เพิ่มความสมบุกสมบันเข้าไปอีก ไฟหน้ารถมากับไฟหน้า Projector ในรุ่น 2.4 ลิตรจะเป็นไฟหน้า Projector HID ช่วยเพิ่งความหรูหราเข้าไปอีก และที่ดูเท่อย่างรถยุโรปก็คือเสาอากาศแบบครีบฉลามบนหลังคารถซึ่งติดมาให้ทุกรุ่น แต่ละรุ่นก็มีล้อแม็กให้เลือกทั้ง 17-18 นิ้วตามแต่ละรุ่น โดยรวมแล้วภายนอกออกแบบได้เตะตาแฟน Honda มาก ขนาดผู้เขียนยังชอบและยังลังเลความชอบกับ Mazda CX-5 ไม่น้อยเลยครับ
ภายในของรถออกแบบใหม่ให้ดูทันสมัย แต่ยังดูเรียบง่ายธรรมดา ไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ แต่ปรับปรุงให้ดูดีขึ้นจากโฉมที่แล้ว ตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยลายไม้รอบคัน ทุกรุ่นมากับจอแสดงผลข้อมูล i-MID,ปุ่ม ECON,Cruise Control และช่องปรับอากาศตอนหลัง ในรุ่น 2.4 จะมีระบบสตาร์ทอัจฉริยะและระบบควบคุมประตูอัจฉริยะติดมาให้ และยังมี Paddle Shift มาช่วยเพิ่มความสนุกในการขับซึ่งเหมาะกับใครที่อยากเปลี่ยนเกียร์เองครับ ในรุ่น 2.4 ขึ้นไปจะมาพร้อมกับจอสัมผัสกลางคอนโซลพร้อมระบบนำทางเนวิเกเตอร์ และยังเชื่อมต่อได้หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็น USB AUX โดยรวมนั้นถือว่าครบครันทั้งฟังก์ชันการใช้งานเลยทีเดียว ผู้ซื้อสบายแน่นอนครับ
มาดูกันที่เครื่องยนต์กันบ้าง มีขุมพลังให้เลือกใช้ 2 แบบ 2 สไตล์ด้วยกัน ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ i-VTEC มากับพละกำลัง 155 แรงม้าที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 190 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที และเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 4 สูบ i-VTEC มากับพละกำลัง 170 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตรที่ 4,300 รอบ/นาที เครื่องยนต์ตัวนี้ยังสามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 ได้ด้วย ในขณะที่คู่แข่งยังรองรับกันไม่ได้เลย ทั้งหมดส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด ควบคุมด้วยระบบอิเล็กโทรนิกส์ มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ Real Time 4WD นับว่าครบครันแล้วที่จะไปต่อกรกับคู่แข่งภายนอกได้เลยครับ
มาดูกันที่ระบบความปลอดภัยของรถที่นับว่าจัดให้มาครบครันไม่มากไม่น้อยไปกว่าคู่แข่งที่มีอยู่ในตลาดเลย แต่ดูยังไงมันก็ยังเหนือชั้น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ทุกรุ่น ในรุ่น 2.4 ขึ้นไปจะมีถุงลมด้านข้างคู่หน้าด้วย และในรุ่นท็อป 2.4 EL จะมีม่านถุงลมด้านข้าง ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ก็จะมีระบบเบรกป้องกันล็อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ในรุ่น 2.4 จะได้ระบบควบคุมการทรงตัว VSA ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย MA-EPS และ ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA ระบบล็อกประตูอัตโนมัติสัมพันธ์กับความเร็ว กล้องมองหลัง เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ ระบบกุญแจนิรภัย Immoblizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย และะ กระจกหน้าต่างคู่หน้าลดการเกาะตัวของหยดน้ำ ในรุ่น 2.4 เท่านั้นครับ ถือว่าครบครันและพอดีนะครับ
มาดูกันที่เรื่องสุดท้าย นั่นคือราคาของรถนั่นเอง ซึ่งดูจากราคาก็นับว่าคุ้มค่าและสมเหตุสมผล ไม่แปลกที่หลายคนจะสนใจรถคันนี้กันมาก เริ่มต้นด้วยรุ่นล่างสุด 2.0 S มากับราคา 1,168,000 บาท,รุ่น 2.0 E ราคา 1,278,000 บาท,รุ่น 2.4 E ราคา 1,448,000 บาท และรุ่นท็อปสุด 2.4 EL ราคา 1,543,000 บาทครับ
สรุปภาพรวมของรถคันนี้ก็คือ...เยี่ยมครับ รถรุ่นนี้ผู้เขียนไม่รู้จะหาอะไรติจริงๆ (ถ้ามีสามารถบอกได้นะครับ) ด้วยองค์ประกอบตัวรถที่สมบูรณ์แบบทุกประการ มาพร้อนหน้าตาที่ดูหล่อเหลาเพอร์เฟกต์ ฟังก์ชันภายในครบครัน และมากับราคาที่รับได้ และด้วยชื่อเสียงที่สั่งสมมานานของ Honda ในเมืองไทย ทำให้ลูกค้าไว้วางใจที่จะซื้อรถรุ่นนี้อยู่แล้ว ทำให้มันยังคงเป็นอันดับ 1 ของยอดขายรถระดับนี้ แม้ว่าจะมี Mazda CX-5 ที่มีดีเรื่องหน้าตาและฟังก์ชันไม่แพ้กัน แต่ด้วยศูนย์บริการและบริการหลังการขายของ Honda ที่ดูน่าเชื่อถือกว่า ส่วน Mazda คงต้องพยายามสร้างความมั่นใจอีกซักระยะหนึ่งก็น่าจะสามารถแข่งขันในตลาดได้เต็มที่มากขึ้น และสุดท้ายนี่หากใครที่สนใจเจ้า CR-V ขอบอกเลยว่า จัดไปเลยครับ ไม่ว่ากี่รุ่นกี่รุ่นก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง คือของดีที่ยังคงดีไม่สร่างนั่นเองครับ
แนะนำ ติชม แสดงความคิดเห็น และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ Cars New Update ที่นี่!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย