วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิจารณ์และทำความรู้จัก All-New Honda City...มาร่วมฟินกับ กัปตันมาวิน...

 "เพราะว่าฉันและเธอ อยากจะบินไปยังฟ้าไกล
ไปให้ถึง สุดขอปฟ้า
ฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ อาจจะไกลสักกี่ล้านไมล์
แต่เรานั้น ไม่หวั่นไหว"
   เสียงเพลงที่กำลังดังกึกก้องในหู ขณะนั่งชมโฆษณาเต็มของ All-New Honda City เมื่อกัปตันมาวินรับปากกับหญิงสาวว่าจะไปส่งที่สนามบิน แต่เหตุการณ์กลับหักมุมให้กัปตันขับเครื่องบินไปส่งซะงั้น สร้างความฟินได้ไม่น้อย
   นี่คือส่วนหนึ่งของโฆษณา All-New Honda City ใหม่ที่หลายคนกำลังจับตามองอยู่ตอนนี้ กำลังเป็นรถที่มาแรงในตลาด เนื่องจากว่ามีผู้คนรอคอยเจ้ารถคันนี้กันมากมาย เอาละเรามาลองวิจารณ์ตัวรถกันว่า ตัวรถคันนี้มีดีมีร้ายอะไรบ้าง
   มาดูกันที่หน้าตาก่อนเลย หน้าตารถนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร ด้วยหน้าตาแบบ Exciting H Design ซึ่งถูกบรรจุในฮอนด้ารุ่นใหม่ๆปี 2013 มากับเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวรอบคันรถ แต่ดูไปๆ มันอาจยังไม่หล่อเท่า Toyota Vios อาจเรียกได้ว่า Honda City รุ่นนี้ยัง "หล่อไม่เสร็จ" เท่าไหร่ ก็แล้วแต่คนมองครับ แต่มันก็ดูสวยดี เมื่อมามองดูบั้นท้ายนั้น เราก็รู้เลยว่า มันแอบเอาอิทธิพลการออกแบบของ BMW มาใส่ในรถคันนี้ ซึ่งหลายคนหลังจากที่เห็นมันนั้น พาลต้องไปคิดถึง BMW 3 Series กันโดยทันที ซึ่งไม่แปลกใจครับ รถญี่ปุ่นมักเลียนแบบสูตรสำเร็จของรถยุโรปกันมาก ซึ่ง Shark Fin ที่ติดมาก็เหมือนว่าจะเอาอย่าง BMW ด้วยเช่นกัน
  วิศวกรและทาง Honda กะให้เจ้า City รุ่นนี้เป็น "รถ B-Segment ที่สมบูรณ์แบบที่สุด" ซึ่งมันก็ได้สร้างมาตรฐานใหม่เหมือนทุกๆครั้งที่เปิดตัวมา ตั้งแต่ 1996 นั้น ก้ทำให้หลายค่ายต่างทยอยเปิดตัวตามมา หลังจากนั้นปี 1997 Toyota Soluna ก็เปิดตัวเตรียมมาท้าไฝว้กับ City ไปๆมาๆนั้น Toyota Vios ก็สามารถตีป้อม Honda City แตกจนได้ และก็ได้รับชัยชนะมาหลายปี จนมาถึงปลายอายุจึงแผ่วๆลงบ้าง จนปี 2013 Toyota ก็ได้คลอด Vios โฉมใหม่ออกมา ที่มีทั้งคำชมและคำตำหนิมากมาย ซึ่งทำให้ Toyota กลับมามีชัยเหนือ Honda อีกครั้ง จน City ต้องเตรียมแผนตีป้อม Vios ด้วยการเปิดตัวโฉมใหม่เมื่อปี 2014 นี่เอง
   มาส่องภายในรถกันบ้าง งานนี้ขอบอกว่า Honda ออกแบบภายในได้สวยงามใช้ได้ แต่หากลองไปส่องรุ่นล่างสุดนั้น ขอบอกว่าคอนโซลหน้านั้นกากสุดๆ ยังไม่ค่อยสมรถ 550,000 บาทเท่าไหร่ ดูเหมือนคอนโซลจะออกแบบมาเพื่อติดจอ 7 นิ้วจริงๆ อย่างไรก็ตาม Honda ก็จัดแต่งองค์ทรงเครื่องภายในแบบจัดเต็มแบบสุดๆ ด้วยการอัดกระหน้ำสารพัดออปชั่นต่างๆ ซึ่งมีของเล่นใหม่ๆเพียบ ยกมาจาก Odyssee มาแทบครบเซต ของแปลกที่มาใหม่ที่ปลิ้มสุดๆ ก็คือ หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบปรับอากาศแบบสัมผัส สร้างความทันสมัยให้กับรุ่นนี้อย่างแรง นี่แค่น้ำจิ้ม รถคันนี้ยังมีฟีเจอร์เด็ดๆอีกมาก ระบบสั่งการด้วยเสียง Siri ซึ่วรองรับการใช้งานสำหรับ Iphone 4S ขึ้นไป มี Bluetoothช่องเชื่อมต่อ USB และยังมีช่อง HDMI อีกตะหาก แค่นี้ก็มากแล้ว ภายในนั้นในรุ่นท็อปยังติดลำโพงมาให้กระหน่ำถึง 8 ตัว ที่เห็นจะชอบก็คือมาตรวัดเรืองแสงที่สวยงามอย่างมาก ทำเอาของ Toyota Vios ที่เป็นมาตรวัดไร้มิติเป็นของกากกันเลยทีเดียว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันที่สามารถควบคุมได้หลายๆอย่าง ควบคุมเครื่องเสียง และระบบต่างๆในรถ ที่น่าแปลกก็คือ การนำระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control มาติดตั้งในรถ B-Segment คันเท่านี้ และที่อึ้งกิมกี่มากกว่านั้นก็คือในรุ่นท็อป SV+ มากับถุงลมนิรภัยถึง 6 ลูก รวมถึงม่านถุงลม เหนือกว่าคู่แข่งที่มีแค่คู่หน้าเท่านั้น
   ส่องเครื่องยนต์กันบ้าง เครื่องยนต์นั้นพื้นฐานยังเป็นเครื่องยนต์ตัวเดิม 1.5 ลิตร i-VTEC ซึ่งได้ผ่านการปรุงแต่งเล็กน้อย เพื่อรองรับเชื้อเพลิง อี85 และรองรับมาตรฐานไอเสีย ยูโร 4 ทำให้พละกำลังหายไปเหลือ 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ลูกใหม่ CVT ที่มาพร้อมกับ EarthDream Technology และยังมีรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดในรุ่นล่างด้วยนะครับ และยังมี Paddle Shift ในรุ่น SV และ SV+ ด้วย ความปลอดภัยขั้นเทพอีกอย่างหนึ่งที่ควรนำเสนอก็คือ กล่องส่องภาพด้านหลังแบบ 3 ตำแหน่ง ซึ่งคู่แข่งในตลาดไม่มีซักคัน! ซึ่งในสิ่งที่ Honda ไม่มีก็คือ ดิสก์เบรก 4 ล้อเหมือน Vios ดังนั้น Honda เลยจัดเต็มระบบการชับเคลื่อนเพียบตั้งแต่ ระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรกตามน้ำหนักบรรทุก EBD ไปจนถึง ระบบควบคุมการทรงตัว VSA (Vehicle Stability Control) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรคกระทันหัน ESS ซึ่งทั้งหมดนี้ให้มา "ครบทุกรุ่นย่อย"ครับ ขอย้ำ ครบทุกรุ่นย่อย
   มาส่องกันที่ราคาบ้าง ต้องขอบอกว่า Honda สามารถตั้งราคาได้สวยมากๆ และดูเหมือนว่าจะมีการปรับราคาลดลงในบางรุ่น บางรุ่นก็เท่าเดิม และก็ปรับขึ้นในบางรุ่น ในรุ่นเริ่มต้น S M/T มากับราคา 550,000 บาท ลดลงไป 9,000 แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมามากมายก็คือ ABS EBD ESS HSA VSA แต่ช่วยปรับปรุงคอนโซลรุ่นล่างหน่อยนะ รุ่น S A/T ราคา 589,000 บาท ลดราคาลง 10,000 บาท รุ่น V ราคา 649,000 บาท ขึ้นมานิดหน่อย 3,000 บาท รุ่น V+ ราคา 689,000 บาท ต่ำกว่า Vios G แต่ได้ของมากกว่ากันเยอะ ต่อที่รุ่น SV ราคา 734,000 บาท เท่า Vios รุ่น S เลย และตัวท็อป SV+ ราคา 749,000 บาท แค่นี้ก็รู้แล้วนะครับว่าคันไหนคุ้มกว่ากัน เพียงเท่านี้ใครๆหลายคนคงอยากไปฟินเหมือนกัปตันมาวินแล้วนะครับ
  แนะนำ ติชม แสดงความคิดเห็น และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ Cars New Update ที่นี่!!

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวรถได้
ห้ามแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย

Like Box